กลางดึกเข้ายามจื่อแล้ว ในราตรีสีน้ำเงินเข้ม จันทราสีอ่อนครึ่งดวงเผยแสงนวล ไอเย็นคืนต้นฤดูหนาวยะเยือก บนกิ่งไม้และใบของต้นมู่ซี แก่ภายนอกบานหน้าต่างฉลุต้นนั้นล้วนมีไอน้ำค้างสีขาวบางๆ จับตัวอยู่
ท่ามกลางม่านราตรีอันหนักอึ้ง เงาร่างหนึ่งเดินผ่านแสงจันทร์และดวงดาว ทะลุผ่านประตูของลาน ก้าวยาวๆ ตรงมายังทิศทางนี้ เงาสายหนึ่งทอดยาวบนทางเดินด้านหลัง
เงาร่างค่อยๆ เข้ามาใกล้ ฝีเท้าเองก็ฉับไวมากขึ้นเรื่อยๆ หลังเดินข้ามขั้นบันไดเพียงไม่กี่ก้าวก็เหยียบเข้ามาด้านในธรณีประตู เงาโคมไฟแกว่งไกวน้อยๆ คนผู้นั้นเดินเลี้ยวเข้ามาจากประตูหน้า
นี่เป็นบุรุษหนุ่มที่เปล่งประกายดุจหยก สง่างามดั่งต้นสนผู้หนึ่ง
เมื่อเดินเข้ามาใกล้ แสงโคมก็ส่องลงบนผิวของเขา สีผิวเขาซีดขาวน้อยๆ เหมือนคนเลือดลมไม่เพียงพอ แต่สิ่งนี้ไม่ได้ทำลายกลิ่นอายสูงส่งของเขาลงแต่อย่างใด กลับยิ่งทำให้คิ้วของเขาชัดเจนดุจภาพวาดพู่กัน แววตากระจ่างใส เขาสูงกว่าเจินจยาฝูไม่ใช่แค่หนึ่งช่วงศีรษะ รูปร่างค่อนข้างผอม อกผายไหล่ผึ่ง เมื่อเดินเข้ามาใกล้ สายตาคู่นั้นมองไปยังประตูบานที่อยู่ข้างเจินจยาฝู เขาหันตัวเดินมา เข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ ก่อนเดินผ่านหน้านางไป ระยะห่างจากนางเพียงครึ่งท่อนแขนเท่านั้น
เจินจยาฝูมองเห็นอย่างชัดเจนว่าจอนผมของเขาเปียกชื้นไปด้วยน้ำค้าง เสื้อคลุมสีเดียวกับผืนราตรีบนบ่าเขาตัวนั้นยังแผ่ไอเย็นออกมาอยู่หลายส่วน
ทันทีที่ได้เห็นเมื่อครู่นี้ นางก็จดจำได้แล้ว เขาก็คือเผยโย่วอัน
นางรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาอย่างประหลาด เป็นอารมณ์พลุ่งพล่านที่ตนเองก็อธิบายไม่ได้ หัวใจราวกับถูกลูกกวางพุ่งชน ดวงตามองเขาไม่กะพริบ ทั้งยังเคลื่อนสายตาตามเงาร่างของเขาไป ชั่วขณะนั้นพลันโพล่งปากเรียกออกไปโดยไม่รู้ตัว “พี่ใหญ่เผย!”
เดิมทีเผยโย่วอันไม่ทันสังเกตถึงการมีอยู่ของเจินจยาฝู ตัวคนเดินผ่านนางไปแล้ว เมื่อได้ยินเสียงจึงหันกลับมา สายตากวาดผ่านใบหน้าของนาง
เขาไม่มีอาการตอบสนองใด แต่เจินจยาฝูก็ยังสังเกตเห็นว่าสายตาของเขาหยุดลงบนใบหน้านาง
ดวงตาคู่นั้นของเขาดำสนิทราวกับสีของผืนราตรี ทว่ายามอยู่ภายใต้แสงสว่างของโคมไฟกลับกระจ่างใสดุจสายน้ำ แม้ไม่อาจสัมผัสร่างกัน แต่ความเฉยชาที่แฝงด้วยไอหนาวเหน็บของเขาก็จู่โจมจิตใจเจินจยาฝูได้
เจินจยาฝูหน้าแดงด้วยความอับอายทันที รู้สึกไม่กล้าสบตาอยู่บ้าง
เขาจดจำไม่ได้ว่าข้าเป็นใคร
นางอ้าปาก ตอนที่ลังเลว่าควรจะเตือนเขาหรือไม่ว่าตนเองเป็นใคร บุรุษที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้คล้ายจะจดจำนางได้ในที่สุด เขาเลิกคิ้วงามทั้งสองข้างขึ้น ผงกศีรษะให้นางพร้อมยิ้มน้อยๆ แทนการตอบกลับ จากนั้นก็หันไปทางอวี้จูที่ไล่ตามมา
“ท่านย่าอยู่ข้างในหรือไม่” น้ำเสียงของเขาเยือกเย็น นุ่มนวล และทุ้มต่ำเล็กน้อย
อวี้จูผงกศีรษะ เอ่ยตอบอย่างนอบน้อม “อยู่ข้างในเจ้าค่ะ ดึกเพียงนี้แล้วก็ยังไม่ยอมไปนอน…นึกไม่ถึงว่าคุณชายใหญ่จะเร่งกลับมาทันจริงๆ ไม่รู้ว่าฮูหยินผู้เฒ่าจะดีใจมากเพียงใด…”
ขอบตาอวี้จูแดงระเรื่อขึ้นมา