เมืองเฉวียนโจวภายใต้ผืนราตรีปราศจากความวุ่นวายและความคึกคัก ท่าเรือที่เต็มไปด้วยผู้คนขวักไขว่เมื่อกลางวัน ยามนี้มืดไปทั้งหมด ริมฝั่งจอดเรือลำเล็กลำน้อยเอาไว้ คลื่นเล็กๆ บนผิวน้ำที่ซัดสาดมาตามสายลมกระเพื่อมขึ้นลงน้อยๆ อย่างไร้สุ้มเสียง ห่างออกไปบริเวณหัวเรือบางลำยังคงสว่างด้วยตะเกียงเรือสีส้มเหลืองดวงเล็ก แสงไฟกะพริบวูบไหวอยู่ในความมืด ขานรับกันกับประภาคารเก่าแก่ที่คอยส่องนำทางให้แก่ผู้เดินทางในความมืดจากระยะไกล ซึ่งที่นั่นสร้างมาตั้งแต่เมื่อร้อยกว่าปีแล้ว
แต่ก็มีผู้ออกทะเลบางคน นับตั้งแต่ออกเดินทางไปจากที่นี่ก็ไม่เคยได้กลับมาอีก เหลือทิ้งไว้เพียงประภาคารตั้งตระหง่านที่ยังคงเฝ้ารอผู้ออกทะเลอย่างโดดเดี่ยวทุกค่ำคืน
เจินจยาฝูคุกเข่าหันหน้าออกทะเล หลังจุดธูปขอพรเงียบๆ แล้วก็ยืนอยู่ข้างทำนบอยู่นานไม่ยอมจากไป สายตาทอดมองไปยังทิศทางที่บิดากางใบเรือออกเดินทางในปีนั้น จิตใจวูบไหวสั่นคลอน
เมื่อชาติก่อนหลังนางแต่งให้กับเผยซิวจื่อ ความจริงก็ไม่ได้ใช้ชีวิตผ่านไปอย่างสบายใจนัก ฐานะที่ไม่เท่าเทียมกันแต่แรกทำให้นางรู้สึกว่าตนเองต้อยต่ำกว่าผู้อื่นอยู่ขั้นหนึ่งเสมอ หลังแต่งเข้าไปนางจึงขยันหมั่นเพียรปรนนิบัติผู้อาวุโส ทุ่มเทแรงใจทำดีต่อลูกเลี้ยง ยามได้รับความไม่เป็นธรรมมาก็ไม่กล้าบอกสามี ทุกอย่างก็เพียงเพื่อรักษาความใจกว้างและคุณงามความดีที่นางควรมีอยู่
ในตอนนั้นการเป็นชายาซื่อจื่อที่สามารถทำให้สามีและครอบครัวสามียอมรับได้ ถือเป็นเป้าหมายที่นางพยายามทำให้ได้มากที่สุด
ภายหลังนางกลายมาเป็นคนของเซียวอิ้นถัง หลังตระหนักได้ว่าตนเองไม่มีวันหนีพ้นจากเขา นางจึงได้แต่เรียนรู้ที่จะยอมรับ นางบอกตนเองว่าจริงๆ แล้วชีวิตเช่นนั้นก็ดียิ่ง เขาทำเพื่อนางอย่างสุดกำลังความสามารถที่ทำได้แล้วจริงๆ ถ้าหากนางยังกล้าที่จะไม่พอใจอีก นั่นก็เป็นการไม่รู้จักแยกแยะกระมัง
มีแค่เคยตายไปแล้วกลับมามีชีวิตใหม่เท่านั้น ถึงได้รู้ว่าแต่ก่อนนางน่าสงสารและน่าสังเวชใจเพียงใด
นับตั้งแต่วันนั้นที่ลืมตาขึ้นมาพบว่าตนเองกลับจากโลกหลังความตายมายังแดนมนุษย์ นางก็เชื่อมั่นอย่างแรงกล้าว่านี่จะต้องเป็นการคุ้มครองจากดวงวิญญาณของบิดา ถึงได้ให้นางกลับมาก่อนหน้าที่จะแต่งงานออกไป
ชาตินี้นางไม่ต้องการแต่งให้กับเผยซิวจื่ออีกแล้ว ยิ่งไม่คิดอยากมีความสัมพันธ์ใดๆ กับเซียวอิ้นถังอีก
บุรุษสองคนนั้นเพียรบอกคำว่ารักกับนางเสมอ…
เผยซิวจื่อบอกกับคนในสกุลเจินว่านางโชคร้ายตายอยู่ในสนามรบ จากนั้นก็ยกนางให้กับบุรุษอื่น ซึ่งเขามีความทุกข์ใจบีบคั้นจนไม่อาจไม่ทำเช่นนั้น
เซียวอิ้นถังอาศัยชื่อว่ารักถนอม ทำให้นางกลายเป็นคนตายที่ยังมีชีวิตอยู่แต่ไม่อาจเปิดเผยตัวตน ก็เพราะว่าเขามีความทุกข์ใจของเขา ถูกบีบคั้นให้ไม่อาจไม่ทำเช่นนั้นเช่นเดียวกัน
นางไม่เกลียดพวกเขาหรอก
เพราะมนุษย์เราเกิดมาบนโลกนี้มีเรื่องราวมากมายที่ไม่อาจทำตามใจตนเองได้จริงๆ นางเองก็เหมือนกัน
กระนั้นพวกเขายังคงทำให้นางรู้สึกหนาวเหน็บ ความหนาวเหน็บเช่นนี้ได้ออกมาจากส่วนลึกของกระดูก
ความรักที่พวกเขาหมายถึง…ก็มีค่าเพียงเท่านี้
เจินจยาฝูเงยหน้ารับลมราตรีที่แฝงกลิ่นเค็มน้อยๆ ก่อนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ
นางเกิดที่นี่ เติบโตที่นี่ ความทรงจำที่แสนงดงามและอบอุ่นทั้งหมดล้วนเกี่ยวข้องกับบ้านเกิดซึ่งมีอีกชื่อว่าเมืองหลี่เฉิงแห่งนี้ ท่าเรือที่เท้าเหยียบอยู่ในตอนนี้ สำหรับนางแล้วยิ่งมีความหมายเป็นพิเศษ
ราตรีนี้ เป็นเพราะอารมณ์แปรปรวนที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ทำให้นางอดที่จะมาระลึกถึงบิดาที่นี่อีกครั้งไม่ได้
เรื่องการแต่งงานระหว่างสองสกุลถูกกำหนดเอาไว้แล้ว ตรงกลางยังแทรกเอาไว้ด้วยสกุลซ่งที่ในยามนี้ได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้ไม่น้อย เพื่อเป็นการสั่งสอนว่าที่มารดาเลี้ยงซึ่งมีศักดิ์ฐานะต่ำอย่างนาง เมื่อไม่กี่เดือนก่อนสกุลซ่งยังจงใจส่งบ่าวหญิงอาวุโสสองคนมาเฉวียนโจว ซึ่งพรุ่งนี้เช้าจะร่วมออกเดินทางไปด้วยกัน
เรื่องมาถึงจุดนี้แล้ว นางไม่อาจอาศัยแค่ปณิธานของตนเองก็เรียกร้องขอยกเลิกงานแต่งงานออกมาโดยไม่ไตร่ตรองให้ดีก่อนได้
มิหนำซ้ำต่อให้นางยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดจริงๆ ท่านย่าก็ไม่มีทางรับปาก
นางได้แต่คิดหาหนทางอื่น
พรุ่งนี้เช้านางก็ต้องออกเดินทางขึ้นเหนือแล้ว นับจากนี้ก้าวไปบนทางเดินใหม่ที่ไม่รู้ชะตากรรม
ท่านพ่อ หวังว่าดวงวิญญาณของท่านบนสวรรค์จะคอยช่วยปกป้องคุ้มครองอาฝูนะเจ้าคะ
โปรดติดตามตอนต่อไป