ทดลองอ่าน ข้าผู้นี้… วาสนาดีเกินใคร บทนำ – บทที่ 1 – หน้า 3 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

ข้าผู้นี้··· วาสนาดีเกินใคร

ทดลองอ่าน ข้าผู้นี้… วาสนาดีเกินใคร บทนำ – บทที่ 1

ฤดูใบไม้ร่วงของรัชศกเสินกวงปีที่สอง ฮ่องเต้แห่งต้าเว่ยสวรรคตตั้งแต่วัยหนุ่ม ได้รับการถวายพระนามว่า ‘ตุนจง’

‘ตุน’ ที่หมายถึงการเจริญสัมพันธไมตรีกับดินแดนเพื่อนบ้านด้วยความซื่อสัตย์สุจริต

‘ตุน’ ที่หมายถึงเสริมสร้างคุณธรรมความดี

เป็นพระนามที่บ่งบอกถึงคุณงามความดีของฮ่องเต้ เนื่องจากก่อนหน้าที่เซียวอิ้นถังจะจากไปได้ทิ้งพระราชโองการสั่งเสียที่ผู้คนต่างสรรเสริญเอาไว้

พระองค์กล่าวว่า ‘การนำคนมาร่วมฝังด้วย เราทนไม่ได้ ดังนั้นหลังเราจากไปแล้ว ให้ยกเว้นการฝังพระสนมทุกคน ให้พวกนางได้ใช้ชีวิตยืนยาวต่อไป’

นับตั้งแต่ฮ่องเต้พระองค์ก่อนหน้าก็มีกฎวังหลวงที่ว่าเมื่อฮ่องเต้สวรรคต สตรีตำหนักในทุกคนที่ไร้บุตรจะต้องถูกฝังร่วมไปด้วย อย่างน้อยอาจมีแค่ไม่กี่คน อย่างมากก็อาจมีถึงหลายสิบคน ฮ่องเต้พระองค์นี้ก็ให้สืบทอดรูปแบบเดิม เซียวอิ้นถังพระชนมายุเพียงสามสิบชันษา จู่ๆ สวรรคตไป สำหรับสตรีตำหนักในเหล่านั้นแล้วประหนึ่งฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ เดิมทีร้องไห้น้ำตานองอยู่ทุกวัน ได้แต่รอเวลาถูกฝังลงดินและไปยังยมโลกด้วย กลับคิดไม่ถึงว่าฮ่องเต้จะละเว้นความตายของพวกนาง แม้จะพูดว่าชะตาชีวิตที่รออยู่ยังคงเป็นการใช้ชีวิตอยู่ในตำหนักเย็นจวบจนวันตาย แต่เมื่อเทียบกับการถูกบีบคั้นให้ติดตามพระองค์ไปตายตั้งแต่ตอนนี้ การมีชีวิตรอดอยู่ได้ยังคงเป็นเรื่องที่ดีเรื่องหนึ่ง

ทุกคนต่างรู้สึกขอบคุณในเมตตาอันยิ่งใหญ่นี้ การร้องไห้หน้าดวงวิญญาณเองจึงดูจริงใจเป็นพิเศษ

แต่ทั้งหมดนี้ล้วนไม่เกี่ยวข้องอันใดกับเจินจยาฝู

ตัวนางได้ยอมรับชะตาชีวิตเช่นนี้อย่างไร้ความรู้สึกไปแล้ว

ชาตินี้นางก็เปรียบเสมือนจอกแหนที่ไร้ราก หลังมอบทุกอย่างให้เซียวอิ้นถัง ใช้ชีวิตอยู่อย่างไร้ชื่อไร้ฐานะไม่อาจเปิดเผยตัวตน การที่มีจุดจบเฉกเช่นปัจจุบันจึงไม่เหนือไปจากความคาดหมายแต่อย่างใด

ทว่าสิ่งที่รอนางอยู่กลับไม่ใช่แพรขาวสามฉื่อ ดังที่นางคิดเอาไว้

จางไทเฮาที่เพิ่งเลื่อนยศสั่งให้นำนางใส่ลงไปในโลงไม้หนานมู่ ลงรักทองล้ำค่าที่เตรียมไว้ให้นางเป็นพิเศษทั้งเป็น ใช้วิธีการเช่นนี้ฝังนางให้ร่วมเดินทางไปสู่ยมโลกกับฮ่องเต้พระองค์ก่อน

“ฮ่องเต้พระองค์ก่อนทรงสั่งให้ข้าคอยดูแลครอบครัวสกุลเจินของเจ้าให้ดีๆ เจ้าติดตามฝ่าบาทไปอย่างสบายใจเถอะ ข้าไม่มีทางละเลยต่อคำฝากฝังของฝ่าบาทอย่างแน่นอน”

จางไทเฮาไม่ได้ใจกว้างเหมือนที่ผ่านมาอีกต่อไป สายตาจ้องเขม็งมาที่เจินจยาฝู ใช้น้ำเสียงที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเคียดแค้นอย่างไม่ปิดบัง กล่าวเน้นย้ำกับนางทีละคำๆ

ฝาโลงอันหนักอึ้งปิดทับลงมา แสงสว่างลำสุดท้ายตรงหน้าพลันถูกตัดขาดไป

โลกของเจินจยาฝูกลายเป็นสีดำสนิท นางถูกกักขังอยู่ในพื้นที่แคบๆ ของโลกแห่งนี้ตลอดกาล…ไม่มีวันออกไปได้อีก

ปราศจากการดิ้นรน…ปราศจากเสียงกรีดร้อง…

เป็นเพราะรู้ดี ไม่ว่านางจะดิ้นรนหรือกรีดร้องเพียงใดล้วนแต่เป็นการเสียแรงเปล่า

นี่ก็คือจุดจบของนางที่ถูกกำหนดเอาไว้แล้ว

ยามมีชีวิตนางเลือกไม่ได้ ยามแต่งงานนางเลือกไม่ได้ แม้แต่ยามตายนางก็ยังเลือกไม่ได้อีก

อากาศเบาบางลงทุกขณะ หน้าอกรู้สึกปวดร้าวเพราะอาการหายใจไม่ออก ท่ามกลางความทรมานอันยาวนานก่อนตาย เล็บมือของนางเริ่มกรีดข่วนโลงไม้ที่พอจะเอื้อมถึงอย่างควบคุมไม่ได้ ทิ้งรอยเล็บไว้บนเนื้อไม้ที่แข็งประดุจทองคำรอยแล้วรอยเล่า

ที่แท้นางก็หวาดกลัวความตาย กลัวแรงกดดันอันไร้ขอบเขตที่มาจากความมืดมิดภายใต้ผืนดิน ที่นี่มีแต่กลิ่นอายของความตาย เป็นความรู้สึกที่ยามมีชีวิตอยู่ไม่อาจจินตนาการถึงได้โดยสิ้นเชิง

มาถึงตอนนี้นางเพิ่งตระหนักได้ว่าที่แท้ตนเองก็อยากจะมีชีวิตรอด ต่อให้ต้องยากลำบากกว่านี้ก็ยังอยากจะมีชีวิตอยู่ต่อไป

หากก่อนหน้านี้ไม่ได้แต่งให้กับพี่รองเผย หากภายหลังไม่ได้พานพบเซียวอิ้นถัง ชีวิตของนางควรจะเป็นเช่นไรกัน

แต่ว่าไม่ทันแล้ว ชีวิตนี้นางได้เดินมาถึงจุดสิ้นสุด ชีวิตของนางต้องจบลงทั้งอย่างนี้แล้ว

เจินจยาฝูเริ่มร้องไห้ หยาดน้ำตาไหลรินออกมา แต่การร้องไห้มีแต่จะยิ่งสิ้นเปลืองอากาศมากขึ้น ทำให้นางเจ็บปวดทรวงอกยิ่งกว่าเดิม

เบื้องหน้านางเริ่มปรากฏภาพหลอนสีสันพิลึกพิลั่นต่างๆ ขึ้นมา ตรงปลายสุดของแสงสว่าง ในความเลือนรางนางคล้ายได้เห็นบุรุษผู้หนึ่งเดินยิ้มน้อยๆ ทะลุผ่านความมืดอันไร้จุดสิ้นสุดของยมโลกตรงมาที่นาง มองสบประสานกับดวงตาคลอหน่วยด้วยหยาดน้ำตาของนาง แววตาเต็มไปด้วยความเมตตาอันไร้ที่สิ้นสุด

นางจดจำได้แล้ว…เขาก็คือบิดาของนาง

เมื่อหลายปีก่อนตอนที่นางยังอายุแค่สิบสามปี บิดาออกทะเล นางมาส่งเขาถึงท่าเรือ ก่อนที่เขาจะขึ้นเรือไป บิดาให้คำสัญญากับนางว่าการออกทะเลครั้งนี้ เขาจะต้องเอาสร้อยคอมุกเงือกม่วงกลับมาให้นางอย่างแน่นอน

มุกเงือกม่วงทำขึ้นในแคว้นที่อยู่ห่างไกลอีกโพ้นทะเล ไม่ใช่แค่ส่องสว่างในความมืดได้ แต่ยังเล่าลือกันว่ามันสามารถมอบความสุขความเจริญมาให้ผู้คน หากคนเดินทะเลสามารถพบเจอก็เรียกได้ว่าโชคดี

‘หากสวมมันเอาไว้ อาฝูของพ่อก็จะมีชีวิตราบรื่น ไร้ทุกข์ไร้โศกไปตลอดชีวิต’

ภาพบิดาที่เอ่ยด้วยรอยยิ้มกว้างในตอนนั้น ทุกวันนี้นางยังคงจดจำได้ขึ้นใจ

ทว่าหลังการออกทะเลครั้งนั้น เขาก็ไม่เคยกลับมาอีก

 

‘อาฝู พ่อกลับมาแล้ว นำสร้อยคอมาให้ลูกด้วย ลูกชอบหรือไม่’

“ท่านพ่อ…”

เจินจยาฝูยิ้มทั้งน้ำตา ยื่นมือออกไปหาพลางร้องเรียกบุรุษที่รักถนอมนางที่สุดบนโลกใบนี้

ลมหายใจเฮือกสุดท้ายอันล้ำค่าลอยออกมาจากปอดของนาง สองมือที่เล็บฉีกขาดและหลั่งโลหิตร่วงหล่นจากกลางอากาศช้าๆ อย่างไร้กำลัง วางทาบลงบนหน้าอกอันอ่อนนุ่ม ข้างริมฝีปากประดับรอยยิ้มน้อยๆ

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in ข้าผู้นี้··· วาสนาดีเกินใคร

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com