บทที่ 1
หมอกสีขาวหนาทึบในอากาศค่อยๆ สลายหายไป และเปลี่ยนเป็นความหนาวเย็น
ถานเซียงชำเลืองมองเจินจยาฝูหลายครั้งแล้ว
เจินจยาฝูห่อร่างเข้าหากัน แช่ตัวอยู่ในถังน้ำเจี๋ยผูลัวเซียง* ถังนั้น เรือนผมเปียกชื้นที่เพิ่งสระเสร็จม้วนเอาไว้เพียงหลวมๆ ด้วยปิ่นอันหนึ่ง ผมบางส่วนระอยู่ข้างลำคอ ซีกหน้าด้านหนึ่งแนบอยู่กับตัวถัง ดวงตาปิดสนิท แพขนตาหลุบลงคล้ายจะนอนหลับไปแล้ว
นางกลัวว่าเจินจยาฝูจะได้รับความเย็น จึงอดเอ่ยเร่งเบาๆ ไม่ได้ “คุณหนู ตื่นเถิดเจ้าค่ะ”
เจินจยาฝูลืมตาขึ้นช้าๆ จับขอบถังอันเปียกชื้นแล้วลุกขึ้นก้าวออกมา
ผิวกายขาวนวลเนียนเกลี้ยงเกลาราวหยกเสลา ประกายหยดน้ำเล็กๆ มิอาจเอาชนะความลื่นของผิวได้กลิ้งหล่นลงมาอย่างรวดเร็ว
เรือนกายแรกแย้มของหญิงสาวดูงดงามราวกับดอกตูมที่แย้มบาน
ถานเซียงใช้ผ้าอ่อนนุ่มผืนใหญ่ห่อตัวเจินจยาฝูตั้งแต่หัวไหล่ลงมา ติงเซียงยื่นชุดที่เตรียมเอาไว้เรียบร้อยแล้วมาให้ เจินจยาฝูเช็ดร่างกายให้แห้ง สวมชุดแล้วเดินออกไป บ่าวหญิงอาวุโสจำนวนหนึ่งจึงเดินเข้ามาเก็บกวาด หนึ่งในนั้นมีบ่าวหญิงอาวุโสสกุลหวัง เพิ่งมาทำงานได้ไม่นาน เมื่อได้ดมกลิ่นหอมที่กระจายออกมาจากถังน้ำก็อดถามขึ้นมาไม่ได้ “คุณหนูใช้กลิ่นหอมใดอยู่ทุกวัน หอมประหลาดนัก หลานสาวข้ากำลังจะแต่งงานเดือนหน้า ประเดี๋ยวข้าจะไปซื้อมาเพิ่มเป็นสินเจ้าสาวให้นาง”
ถานเซียงมีนิสัยเป็นมิตร จึงยิ้มตอบกลับ “ท่านป้า สิ่งนี้เรียกว่าเจี๋ยผูลัวเซียง หรืออีกชื่อคือต้งหลงเหน่า นำเข้ามาจากทางใต้ของเทียนจู๋ ข้าได้ยินคุณหนูบอกว่าเดิมตอนอยู่ที่นั่นก็มีค่าแค่ไม่เท่าไร แต่เมื่อข้ามน้ำข้ามทะเลมาถึงพวกเราที่นี่ หนึ่งเฉียน ก็ประมาณหนึ่งตำลึงเงินแล้ว”
ป้าหวังสะดุ้งตกใจ เอ่ยไม่เป็นภาษา “ให้ตายเถอะ! แพงไปหรือไม่ ข้าจะซื้อไหวได้อย่างไรเล่า ในถังน้ำของคุณหนูใส่สิ่งนี้ลงไปทุกวัน ผ่านมาหนึ่งเดือนจะต้องใช้เงินไปมากเท่าใดบ้างก็ไม่รู้ น้ำที่แช่อยู่นี่ไม่ใช่แช่เครื่องหอมหรอก แต่เป็นอาบเงินแทนแล้ว!”
บ่าวหญิงอาวุโสอีกคนหลุดหัวเราะออกมา “คำพูดพวกนี้ก็ได้แต่พูดกันเอง หากออกไปข้างนอกอย่าได้นำไปพูดส่งเดชเด็ดขาด จะได้ไม่เป็นที่ขบขันของผู้อื่น ครอบครัวนายท่านเป็นครอบครัวเยี่ยงไร เครื่องหอมที่แพงกว่านี้เมื่อมาอยู่ในที่แห่งนี้ก็เป็นแค่ก้อนดินเท่านั้น ไม่ต้องพูดถึงหนึ่งเฉียนหนึ่งตำลึงแล้ว ต่อให้ราคาสิบตำลึง หากคุณหนูต้องการจะใช้ ก็แค่สั่งการมาเท่านั้น”
เมืองเฉวียนโจวมีการค้าทางทะเลที่คึกคัก ท่าเรือน้อยใหญ่นอกประตูหนานซวิน ประตูถูเหมิน มีเรือจำนวนนับไม่ถ้วนเข้าๆ ออกๆ อยู่ทุกวัน ทั้งจากอาณาจักรใกล้ๆ อย่างจ้านเฉิง เซียนหลัว ซูหลี่ว์ ไปจนถึงอาณาจักรที่อยู่ห่างออกไปอย่างต้าสือ หมาหลิน ปี่ชื่อ สินค้าที่มาจากต่างอาณาจักรมีมากจนละลานตา ซึ่งเครื่องหอมถือเป็นหนึ่งในสินค้าหลักที่นำเข้ามา
สกุลเจินเป็นสกุลมั่งคั่งแห่งเมืองเฉวียนโจว หมู่เรือที่ครอบครองอยู่ไม่เป็นสองรองใคร ต่อให้เป็นเครื่องหอมที่ล้ำค่ากว่านี้ ครั้นมาอยู่ที่สกุลเจินก็ไม่ใช่สิ่งที่หาได้ยาก คำพูดของบ่าวหญิงอาวุโสถึงแม้จะมีความคุยโวโอ้อวดอยู่บ้าง แต่ก็ไม่นับว่าผิด
ป้าหวังผงกศีรษะราวกับไก่จิกข้าวสาร ยิ้มจืดเจื่อนบอก “ใช่แล้วๆ เป็นข้าเองที่ไม่รู้ความ พูดผิดไป” เอ่ยจบก็ชะเง้อคอดมกลิ่นหอมนี้เข้าไปอีกเฮือกใหญ่ ถึงได้ยกน้ำออกไปเหมือนผู้อื่น
ถานเซียงเดินออกมา เห็นเจินจยาฝูเปิดกล่องเครื่องหอม ใช้ช้อนหยกตักขึ้นมาหนึ่งช้อน ก็รู้ว่านางต้องการจะใส่ลงไปในกระถางธูปหอมทรงเศียรหงส์กระถางนั้น จึงรีบเดินเข้าไปเปิดฝาออกให้นาง
“เรื่องนี้ให้บ่าวทำก็พอเจ้าค่ะ คุณหนูระวัง ประเดี๋ยวจะลวกโดนมือนะเจ้าคะ”
เจินจยาฝูใส่เครื่องหอมเข้าไปในกระถาง เมื่อเครื่องหอมโดนไฟก็ส่งเสียงเปรี๊ยะแผ่วเบาน่าฟังออกมา มีควันสีเขียวลอยอ้อยอิ่งขึ้นมาช้าๆ นางก้มตัวน้อยๆ ยกมือขึ้นพัดควันหอมมาทางตนเองสองสามครั้งแล้วจึงหลับตาลง สูดลมหายใจเข้าลึกๆ
ถานเซียงมองดูอยู่ด้านข้าง รู้สึกไม่เข้าใจอยู่บ้าง