ที่ผ่านมาคุณหนูไม่เคยชอบอบควันภายในห้อง จะเสียบแค่ดอกไม้สดใหม่เท่านั้น ทว่าไม่รู้เพราะเหตุใด นับตั้งแต่กลับมาจากวัดซีซานวันนั้นจู่ๆ ก็เปลี่ยนความชอบไป ภายในห้องไม่เพียงต้องอบกลิ่นต้งหลงเหน่านี้ แม้แต่ภายในถังน้ำยังต้องเพิ่มผงต้งหลงเหน่าบดละเอียดลงไปด้วย
เช่นนี้ก็แล้วไปเถอะ แต่ถานเซียงติดตามคุณหนูอยู่ในคฤหาสน์สกุลเจินมาหลายปี ย่อมได้รับความสามารถในการคัดแยกประเภทของเครื่องหอมเหล่านี้มาด้วยไม่น้อย ต้งหลงเหน่าถือเป็นของชั้นดี กลิ่นเองก็ผ่อนคลาย ดูสูงสง่า และหอมหวาน ราคามิสามัญ แต่ในหมู่เครื่องหอมประเภทเดียวกันกลับไม่ได้นับเป็นของชั้นเลิศที่สุด ของชั้นเลิศที่สุดคือหลงเสียน ด้วยเหตุที่ลักษณะภายนอกและสีสันของเครื่องหอมทั้งสองคล้ายคลึงกัน กลิ่นเองก็คล้าย หากไม่ใช่คนในกลุ่มเครื่องหอมย่อมไม่อาจแยกแยะ จึงมักมีพ่อค้าหัวหมอนำต้งหลงเหน่ามาหลอกขายเป็นหลงเสียนอยู่เสมอ
แม้หลงเสียนจะหาได้ยาก แต่สกุลเจินไม่ใช่ว่าไม่มีเก็บเอาไว้ ในเมื่อคุณหนูเปลี่ยนมาใช้เครื่องหอมแล้ว เหตุใดจึงไม่เลือกหลงเสียน แต่กลับเลือกของชั้นรองลงมาอย่างต้งหลงเหน่าแทน
ถานเซียงเอ่ยถามออกไปอย่างอดไม่ไหว
เจินจยาฝูมองดูไอสีเขียวที่ลอยออกมาเป็นสายจากปากของหงส์พลางเอ่ยตอบ “ในคลังเก็บของมีหลงเสียนอยู่ไม่มาก ทั้งยังต้องใช้เป็นเครื่องบรรณาการ ข้าใช้ต้งหลงเหน่าจะดีกว่า”
ถานเซียงร้องอ้อออกมา
“พรุ่งนี้ออกเดินทางอย่าลืมนำติดไปด้วย เสื้อผ้าของข้าเองก็ต้องอบด้วยกลิ่นต้งหลงเหน่าทั้งหมด อย่างอื่นไม่ต้องการทั้งนั้น อย่าได้ทำผิดเล่า”
“คุณหนูวางใจได้เจ้าค่ะ บ่าวเตรียมพร้อมหมดแล้ว ไม่มีทางทำผิดแน่”
“ฮูหยินมาแล้ว!” ตอนนั้นเองก็มีเสียงดังมาจากตรงประตู
เจินจยาฝูหันหน้าไปมอง เห็นเมิ่งซื่อ ผู้เป็นมารดากับป้าหลิวบ่าวหญิงอาวุโสข้างกายนางมาหา จึงเดินไปต้อนรับ
เมิ่งซื่อพาบุตรสาวมานั่งลงที่ขอบเตียง “ร่างกายเป็นอย่างไรบ้างแล้ว ยังมึนงงอยู่หรือไม่”
วันที่เก้าซึ่งเป็นวันครบรอบวันตายปีที่สามของบิดาเจินจยาฝู วันนั้นนางติดตามท่านย่า เมิ่งซื่อผู้เป็นมารดา กับเจินเย่าถิงผู้เป็นพี่ชายไปประกอบพิธีทางศาสนายังวัดซีซาน คืนนั้นอยู่ค้างที่วัด นางกับมารดานอนห้องเดียวกัน รุ่งเช้าวันถัดมาตอนที่เมิ่งซื่อตื่นขึ้นก็พบว่าบุตรสาวมีน้ำตานองหน้า ทำเอาตกอกตกใจยกใหญ่ เมื่อถามถึงสาเหตุ นางก็ส่ายหน้าไม่พูดจา เอาแต่กอดตนเองร้องไห้สลับกับหัวเราะ ผิดแผกไปจากปกติโดยสิ้นเชิง เมิ่งซื่อสงสัยว่านางอาจไปเจอของอัปมงคลอะไรเข้าจึงไปขอน้ำศักดิ์สิทธิ์มา วันนั้นหลังพานางกลับบ้าน สภาพจิตใจยังดูเลื่อนลอยอยู่บ้าง หลายวันมานี้ถึงค่อยๆ ดีขึ้น
เจินจยาฝูเอ่ยตอบ “ลูกหายดีนานแล้ว ท่านแม่ไม่ต้องเป็นกังวลเจ้าค่ะ”
เมิ่งซื่อมองสำรวจบุตรสาว เห็นนางมีใบหน้ายิ้มแย้ม สีหน้าเองก็ดูดี จึงโอบนางเข้ามาในอ้อมกอดอย่างรักใคร่ “แค่พริบตาเดียวพ่อของลูกก็ไม่อยู่มาสามปีแล้ว พี่ชายลูกนิสัยเกเรไม่เชื่อฟัง ตอนนี้แม่มีแค่ลูกที่ทำให้รู้สึกสบายใจ วันพรุ่งนี้ยัง…”
นางหยุดชะงักไป
วันพรุ่งนี้เจินจยาฝูก็จะต้องเดินทางขึ้นเหนือ มุ่งหน้าไปยังเมืองหลวงด้วยกันกับเมิ่งซื่อ และพี่ชายเจินเย่าถิงแล้ว
คนสกุลเจินเดินทางขึ้นเหนือหนนี้ นอกจากจะไปเพื่ออวยพรวันเกิดให้แก่ฮูหยินผู้เฒ่าสกุลเผยยังจวนเว่ยกั๋วกงแล้ว ยังไปเพื่อเตรียมเรื่องงานแต่งงานระหว่างเจินจยาฝูกับซื่อจื่อ จวนเว่ยกั๋วกงเผยซิวจื่ออีกด้วย
เรื่องแต่งงานถูกกำหนดมาตั้งแต่หนึ่งปีก่อนแล้ว แค่รอให้ช่วงไว้ทุกข์ของเจินจยาฝูสิ้นสุดลงเท่านั้น อีกทั้งเป็นการแต่งงานใหม่อีกครั้งของพี่รองเผยซิวจื่อ หลังแต่งเข้าไปก็จะมีลูกเลี้ยงอายุห้าขวบรออยู่ด้วย ซึ่งต่อให้สกุลเจินจะร่ำรวยยิ่งกว่านี้ บิดาที่ตายจากไปก็มีชื่อเป็นแค่ซิ่วไฉ ผู้หนึ่ง การที่นางสามารถแต่งเข้าจวนเว่ยกั๋วกงไปเป็นชายาซื่อจื่อได้ก็นับเป็นการปีนป่ายขึ้นที่สูงมากแล้ว
บุตรสาวมีที่พึ่งนับเป็นเรื่องดีอย่างมากสำหรับสกุลเจิน เมิ่งซื่อย่อมรู้สึกดีใจ แต่เมื่อนึกถึงว่าหลังบุตรสาวแต่งงานไป ระยะทางระหว่างเมืองหลวงกับเฉวียนโจวนั้นห่างไกลกันมาก กว่าแม่ลูกจะได้พบกันอีกครั้งเกรงว่าคงไม่ง่าย อย่างไรเสียตระกูลกั๋วกงก็สูงส่ง ตระกูลตนเองไม่อาจเทียบเคียงได้เลย เป็นกังวลว่าวันหน้าบุตรสาวจะยืนหยัดได้อย่างยากลำบาก พอกังวลเรื่องนั้นเสร็จก็กังวลเรื่องนี้ต่อ มีเรื่องราวในใจมากมาย ปลายหางตาปรากฏประกายหยาดน้ำตาขึ้นมา
ป้าหลิวเห็นแล้วก็รีบเอ่ยเกลี้ยกล่อม “ตระกูลที่คุณหนูแต่งไปมิใช่คนอื่นคนไกล แต่เป็นตระกูลกั๋วกงที่รู้จักกันดี ความรู้สึกที่คุณชายรองมีต่อคุณหนู ฮูหยินเองก็รับรู้ ยิ่งไปกว่านั้นฮูหยินรองของทางนั้นกับฮูหยินเองยังเป็นพี่น้องกันแท้ๆ ล้วนเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน เมื่อคุณหนูแต่งงานไปก็จะเป็นชายาซื่อจื่อของจวนเว่ยกั๋วกงแล้ว ไม่รู้ว่าวันหน้าจะมีความสุขมากเพียงใด ฮูหยินมีอะไรให้กังวลกันเจ้าคะ”
เมิ่งซื่อถูกปลอบจนค่อยๆ สงบลงได้ ยกมือขึ้นเช็ดปลายหางตา ก่อนดึงมือบุตรสาวมาแล้วเอ่ย “เป็นแม่ที่คิดมากไปเอง ไปกันเถอะ อย่าให้ท่านย่าลูกต้องรอนานเลย”