ท่านย่าของเจินจยาฝูเป็นผู้นำของสกุลเจิน บ้านเดิมคือสกุลหู ฉลาดเฉลียวเด็ดขาดไม่แพ้บุรุษ แต่ก่อนคาดหวังให้บุตรชายสอบขุนนางจนมีชื่อเสียงให้ได้ ดังนั้นหลังสามีลาโลกไป เพื่อไม่ให้เขาต้องแบ่งสมาธิ จึงรับผิดชอบกิจการในครอบครัวทุกอย่างด้วยตนเอง แต่บิดาของเจินจยาฝูกลับมีนิสัยรักอิสระ ไม่สนใจในชื่อเสียง หลังสอบผ่านเป็นซิ่วไฉแล้ว การสอบอีกหลายครั้งต่อจากนั้นก็ไม่เคยสอบผ่านอีก จวบจนเขาอายุสามสิบกว่าปี ฮูหยินผู้เฒ่าแก่ชราลงเรื่อยๆ กำลังกายไม่มากพออีกต่อไป เขาจึงเลิกพยายามสร้างชื่อเสียงง่ายๆ เสียอย่างนั้น แล้วกลับมาสืบทอดกิจการของครอบครัวต่อแทน แต่คาดไม่ถึงว่าเมื่อสามปีก่อน ในปีที่เจินจยาฝูอายุได้สิบสามปีนั้น เขาที่ออกทะเลไปกับกองเรือจะโชคไม่ดีเผชิญพายุและเสียชีวิตจากไป ฮูหยินผู้เฒ่าคนแก่ผมขาวส่งคนผมดำ สามารถจินตนาการได้ถึงความโศกเศร้าที่ต้องเผชิญ แต่หญิงชราผู้นี้กลับอดทนผ่านไปได้ แล้วเปลี่ยนไปฝากความหวังไว้กับเจินเย่าถิง พี่ชายของเจินจยาฝูแทน
เจินเย่าถิงอายุมากกว่าเจินจยาฝูสองปี ตอนนี้อายุสิบแปด ความสัมพันธ์ระหว่างสองพี่น้องดีมาก แต่น่าเสียดายที่เจินเย่าถิงไม่ค่อยมีความก้าวหน้า เล่าเรียนไม่ได้ความไม่พูดถึง กิจการของครอบครัวเองก็ไม่ใส่ใจ วันๆ เอาแต่เที่ยวเตร่อยู่ข้างนอก ตอนนี้เป็นช่วงจุดโคม แล้ว กระทั่งตัวคนก็ยังไม่เห็นกลับมา
เจินจยาฝูตามมารดามายังห้องของท่านย่า ฮูหยินผู้เฒ่าคิ้วดกหน้าผากกว้าง สีหน้าเข้มงวด ค่อนข้างเห็นความสำคัญของบุรุษมากกว่าสตรีอยู่บ้าง เจินจยาฝูหวาดกลัวผู้เป็นย่าตั้งแต่ตอนเด็กๆ แล้ว ยามอยู่ต่อหน้านาง แม้แต่เมิ่งซื่อก็ไม่ค่อยกล้าออกความเห็น หลังเข้ามากันแล้ว เมิ่งซื่อก็พาบุตรสาวคารวะแม่สามี
ฮูหยินผู้เฒ่าถามถึงการเตรียมตัวเดินทางในวันพรุ่งนี้ เมิ่งซื่อตอบกลับทุกๆ คำถาม ก่อนเอ่ยปิดท้ายว่า “ท่านแม่วางใจได้ ลูกได้เตรียมของขวัญวันเกิดของฮูหยินเฒ่าจวนเว่ยกั๋วกง รวมถึงของขวัญที่จะมอบให้จวนสกุลซ่งด้วยตนเอง ทุกอย่างล้วนผ่านการตรวจสอบและนำขึ้นไปบนเรือทั้งหมดแล้ว บ้านทางเมืองหลวงก็จัดการเรียบร้อย สามารถเข้าพักได้ทันทีที่ไปถึงเจ้าค่ะ”
หลังเจินจยาฝูเดินทางเข้าเมืองหลวงหนนี้ก็จะไม่กลับมาเฉวียนโจวอีก แต่จะรั้งอยู่ที่นั่นรอการแต่งงานเลย ดังนั้นเพื่อเป็นการสะดวกในการจัดเตรียมเรื่องงานแต่ง สกุลเจินจึงตัดสินใจซื้อคฤหาสน์เอาไว้ที่เมืองหลวง
ฮูหยินผู้เฒ่าพึงพอใจกับการเตรียมการของสะใภ้จึงเอ่ย “เมื่อไปถึงเมืองหลวง ควรจะใช้เงินอย่างไรก็ใช้เสีย ไม่ต้องคอยเป็นกังวล สกุลเผยฐานะสูงส่งก็จริง ทว่าเมื่อเป็นสกุลใหญ่ย่อมมีความลำบากของตนเองอยู่เช่นกัน นับประสาอะไรกับที่ช่วงสองปีนี้ภายในวังเกิดการเปลี่ยนแปลง สกุลเผยเองก็ไม่ได้รุ่งเรืองเท่าในอดีตแล้ว พวกเขายอมที่จะให้มีการแต่งงานครั้งนี้ ที่ต้องตาหาใช่ตัวของอาฝูเอง แต่เป็นเงินและเส้นทางในการหาเงินของพวกเราต่างหาก”
เมิ่งซื่อตอบรับ “ท่านแม่วางใจได้ ลูกเข้าใจดีเจ้าค่ะ”
บนใบหน้าเข้มงวดของฮูหยินผู้เฒ่าปรากฏรอยยิ้มขึ้นมาในที่สุด สายตามองไปยังลูกสะใภ้ “เจ้าเองก็ลำบาก แต่งเข้ามาในสกุลเจินของพวกเรา แต่ต้องเป็นม่ายตั้งแต่อายุยังน้อยเหมือนกับข้า ดีที่เจ้ายังมีบุตรชายบุตรสาวให้ฝากความหวัง บัดนี้อาฝูได้แต่งไปอยู่สกุลดี วันหน้าเจ้าเองก็สามารถดื่มด่ำความสุขไปด้วยได้แล้ว”
เดิมทีเมิ่งซื่อมาจากตระกูลขุนนาง ในปีนั้นตอนที่ท่านผู้เฒ่าเมิ่งรับตำแหน่งอยู่ที่ฝูเจี้ยน ได้ก่อความผิดพลาดครั้งใหญ่ ต้องอาศัยเงินช่วยเหลือจากท่านปู่สกุลเจินจึงสามารถรอดพ้นมาได้ เพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณจึงมอบบุตรสาวคนหนึ่งให้แต่งเข้าไปยังสกุลเจิน เดิมทีความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองสกุลก็ไม่เลวอยู่แล้ว แต่หลังการจากไปของท่านผู้เฒ่าเมิ่งกับท่านปู่สกุลเจิน สกุลเมิ่งเองกลับค่อยๆ ตกต่ำ ทั้งยังตระหนักถึงฐานะตนเองดี ไม่ยอมเป็นฝ่ายเข้าหาสกุลเจินก่อน ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองสกุลจึงพลอยห่างเหินไปด้วยเช่นกัน ทว่าหลังเมิ่งซื่อแต่งเข้ามา ความสัมพันธ์กับสามีกลับดียิ่ง ยามนี้ถูกคำพูดประโยคหนึ่งของฮูหยินผู้เฒ่าสะกิดความเสียใจอีกครั้ง ขอบตานางพลันแดงเรื่อ ทว่าไม่กล้าหลั่งน้ำตา เพียงยิ้มเอ่ย “ท่านแม่พูดถูกแล้ว ลูกเองก็คิดเช่นนี้เหมือนกันเจ้าค่ะ”
ฮูหยินผู้เฒ่าผงกศีรษะ ก่อนหันไปเรียกเจินจยาฝูที่เอาแต่นิ่งเงียบอยู่ด้านข้าง
เจินจยาฝูรู้ว่านางมีอะไรจะพูดกับตนเอง จึงคุกเข่าลงบนเบาะใบหนึ่งด้านหน้านาง “เชิญท่านย่าพูดมาได้เลยเจ้าค่ะ”
“ความกตัญญูคือพื้นฐานของมนุษย์ทุกคน สกุลพวกเราอยู่ในสถานการณ์เช่นไร ในใจเจ้าย่อมกระจ่างดี แม้จะบอกว่าคนเราต้องยืนหยัดด้วยตนเอง แต่ไม่ว่าอย่างไรการมีสกุลเผยเพิ่มเข้ามาเป็นที่พึ่งย่อมดีเสมอ วันหน้าเจ้าอยู่ที่สกุลเผยเมื่อมีหน้ามีตาขึ้นมา ถึงอย่างไรก็ต้องให้เจ้าช่วยเหลือพี่ชายเจ้าบ้าง คำพูดของย่า เจ้าจดจำได้แล้วหรือไม่”
เจินจยาฝูตอบรับ “หลานจดจำได้แล้วเจ้าค่ะ” ด้วยท่าทางเคารพนอบน้อมอย่างมาก
สีหน้าของฮูหยินผู้เฒ่ายามมองเจินจยาฝูแฝงไปด้วยความอ่อนโยนอันหาได้ยาก ก่อนนางจะผงกศีรษะ “ลุกขึ้นเถอะ รีบกลับไปพักผ่อนให้เพียงพอ พรุ่งนี้ยังต้องออกเดินทางแต่เช้าอีก”