เมื่อกลับมาจากทางฮูหยินผู้เฒ่า เมิ่งซื่อก็ถามหาบุตรชายตนเอง
หัวหน้าพ่อบ้านจางต้าตอบไม่ได้ บอกได้แค่ว่าเมื่อตอนเที่ยงเขายังนับสิ่งของที่จะขนขึ้นเรือพรุ่งนี้อยู่ที่ท่าเรือกับตนเอง ภายหลังตนมัวแต่ยุ่งวุ่นวาย พอหันกลับมาอีกทีเขาก็หายตัวไปพร้อมกับบ่าวรับใช้แล้ว ทว่าไปที่ใดก็สุดรู้
การเดินทางขึ้นเหนือครั้งนี้ พี่ชายของเจินจยาฝูเจินเย่าถิงย่อมต้องไปด้วยกัน พรุ่งนี้ก็จะออกเดินทางแต่เช้าแล้ว ยามนี้กลับไม่รู้ว่าเขาหนีไปอยู่ที่ใด เมิ่งซื่อเอ่ยตัดพ้อออกมาอย่างอดไม่ได้ จางต้าเองก็กล่าวตำหนิตนเอง “เป็นบ่าวสะเพร่าเอง ประเดี๋ยวจะเรียกคนออกไปตามหาทันทีขอรับ”
เมิ่งซื่อถอนหายใจ “ช่างเถอะ ข้าไม่โทษเจ้า สองขางอกอยู่บนร่างของเขา จะบอกให้เจ้าจับตาดูเขาไม่ให้คลาดสายตาอยู่ตลอดเวลาก็ใช่เรื่อง แค่สั่งให้คนไปดูในที่ที่ปกติเขาชอบไปก็พอ”
จางต้าขานรับแล้วรีบจากไปทันที
เมิ่งซื่อส่งบุตรสาวกลับไปห้องก่อน กำชับให้นางรีบพักผ่อนแล้วตนเองถึงได้จากไป
ราตรีมืดมิดลงเรื่อยๆ ทั่วทั้งคฤหาสน์สกุลเจินล้วนเงียบสงัด
พรุ่งนี้ก็ต้องออกเดินทางขึ้นเหนือแต่เช้าตรู่แล้ว
เจินจยาฝูยากจะข่มตาหลับได้ลง
ราตรีนี้เมื่อชาติก่อน นางจำได้ว่าตนเองก็ผ่านไปโดยนอนไม่หลับเช่นกัน แต่สภาพจิตใจกลับแตกต่างไปโดยสิ้นเชิง
ในครานั้นนอกจากความกระวนกระวาย ที่มีมากกว่านั้นยังคงเป็นความปีติยินดีกับความคาดหวังที่มีต่ออนาคต
ถ้าหากไม่ใช่เพราะเคยตายมาแล้วครั้งหนึ่ง นางในตอนนี้ย่อมไม่อาจรู้ได้เลยว่าคนดีที่นางกำลังแต่งให้อย่างเผยซิวจื่อแห่งจวนเว่ยกั๋วกงจะกลายเป็นผู้ที่ขี้ขลาดและเห็นแก่ตัวเพียงนั้น นอกจากเพื่อปกป้องตนเองแล้ว เขายังเห็นแก่ความร่ำรวยมากกว่าตัวนาง ในอนาคตยามที่วันนั้นมาถึง เขาจะประทานนางใส่มือบุรุษอีกคนด้วยมือตนเอง
เรื่องราวมากมายในอดีตชาติ ทันทีที่หลับตาลงก็จะซัดสาดอยู่ในสมองของเจินจยาฝูประดุจคลื่นทะเล…
จวนเว่ยกั๋วกงมีสองบ้าน เมิ่งฮูหยินของบ้านรองเป็นพี่สาวของมารดาตนเอง มีบุตรหนึ่งคนคือญาติผู้พี่ลำดับสามเผยซิวลั่ว ส่วนเผยซิวจื่อนั้นเป็นลำดับสอง เป็นบุตรคนรองของซินฮูหยินของบ้านใหญ่ นับเป็นญาติผู้พี่ของเจินจยาฝูเช่นกัน
นอกจากเผยซิวจื่อของบ้านใหญ่และเผยซิวลั่วของบ้านรองแล้ว เจินจยาฝูยังมีญาติผู้พี่อีกคนหนึ่งที่ไม่ค่อยสนิทกันนักชื่อเผยโย่วอัน
ในตอนที่สกุลเผยรุ่งโรจน์ถึงที่สุดเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อนหน้า ยามนั้นเหวินจิ่ง บุตรสาวคนโตของฮูหยินผู้เฒ่าสกุลเผยถูกแต่งตั้งเป็นชายารัชทายาท เมื่อองค์รัชทายาทได้สืบทอดบัลลังก์ขึ้นเป็นเทียนสี่ฮ่องเต้ นางเองก็กลายเป็นฮองเฮา แต่น่าเสียดายที่สวรรค์ริษยาความงาม ปีถัดมาจึงติดโรคระบาด หลังพักรักษาตัวอยู่ในวัดฉือเอินของราชวงศ์ได้หนึ่งปีกว่าก็จากไปอย่างโชคร้าย
แม้ฮองเฮาจะจากไปแล้ว แต่ความโปรดปรานที่ฮ่องเต้มีต่อสกุลเผยกลับยิ่งเพิ่มพูนมากขึ้น และก็เป็นในตอนนั้นเองที่หลานชายคนโตของสกุลเผย ซื่อจื่อเผยโย่วอันที่อายุสิบสี่ปีมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วว่าเป็นมหาเสนาบดีอายุน้อย ชั่วขณะหนึ่งไม่มีผู้ใดเทียบความรุ่งโรจน์ของสกุลเผยได้
ดั่งคำที่ว่าหลังจันทร์เพ็ญก็จะเป็นจันทร์เว้า เมื่อรุ่งโรจน์ถึงขีดสุดย่อมถดถอย สำหรับสกุลเผยแล้ว ชะตากรรมเลวร้ายทั้งหมดคล้ายจะเริ่มต้นขึ้นพร้อมกับการจากไปของเว่ยกั๋วกง
ยามนั้นสถานการณ์ที่ชายแดนทางเหนือไม่สงบ เว่ยกั๋วกงรับพระราชโองการนำทหารไปปราบปรามความวุ่นวาย ทว่าโชคร้ายป่วยตายไปในปีถัดมา ตอนนั้นเผยโย่วอันติดตามบิดาไปอยู่ในกองทัพด้วย เขากลับมาบ้านพร้อมโลงศพของบิดา ใครจะไปคาดว่าไม่นานจากนั้น ภายในเมืองหลวงกลับเกิดข่าวลือว่าเว่ยกั๋วกงซื่อจื่อเผยโย่วอันยังไม่ทันพ้นช่วงไว้ทุกข์ก็บีบคั้นอนุผู้หนึ่งของบิดา อนุผู้นั้นฆ่าตัวตายด้วยความอับอาย แม้ซินฮูหยินจะพยายามปิดเรื่องเอาไว้ไม่ให้ข่าวฉาวแพร่ออกไป แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ สุดท้ายเรื่องราวยังคงแพร่ออกไป ถูกผู้ตรวจการถวายฎีกาเล่มหนึ่งขึ้นไปยังเทียนสี่ฮ่องเต้