ระหว่างช่วงไว้ทุกข์ของบิดา กระดูกยังไม่ทันจะเย็นดี ในฐานะบุตรชายกลับกล้ากระทำเรื่องเช่นนี้ออกมา หากเป็นผู้อื่นก็คงจัดการไปตามเรื่อง แต่เมื่อเป็นเผยโย่วอัน เทียนสี่ฮ่องเต้กลับไม่เชื่อ พระองค์เรียกตัวเขามาถาม เจตนาเดิมคิดอยากแก้ไขเรื่องราวให้เขา แต่จากข่าวลือที่ได้ยินมา ในตอนนั้นเขากลับไม่พูดอะไรสักคำซึ่งเทียบได้กับเป็นการยอมรับความผิด เทียนสี่ฮ่องเต้จนปัญญา จำต้องริบความดีความชอบ ปลดเขาจากตำแหน่งซื่อจื่อ ภายหลังเขาก็ออกจากเมืองหลวง ไปจากสกุลเผย
เสมือนดาวตกดวงหนึ่งวาบผ่านขอบฟ้า เว่ยกั๋วกงซื่อจื่อเผยโย่วอันผู้เคยองอาจโดดเด่นกลับแบกรับชื่อเสียงเลวร้าย หายตัวไปจากสายตาของทุกคนนับแต่นี้
ในปีนั้นเขามีอายุสิบหกปี
ก่อนหน้านี้สกุลเผยได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้มากเกินไป รุ่งโรจน์มาหลายปีเพียงนั้นยากจะไม่ให้ผู้คนริษยา เมื่อเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น ชั่วขณะหนึ่งจึงกลายเป็นหัวข้อที่ผู้คนพูดคุยกันลับหลัง แต่นี่ยังไม่ใช่ชะตาเลวร้ายทั้งหมดที่สกุลเผยต้องเผชิญ ความเปลี่ยนแปลงภายในวังที่เกิดตามมาจากนั้นไม่กี่ปีจึงจะเป็นสาเหตุสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อชะตาชีวิตของบรรดาตระกูลต่างๆ ในเมืองหลวงจริงๆ
สองปีให้หลังเทียนสี่ฮ่องเต้ประชวรหนัก จึงมอบตำแหน่งให้องค์รัชทายาทเซียวอวี้ ด้วยเซียวอวี้ยังอายุน้อยนัก นอกจากแต่งตั้งผู้สำเร็จราชการแล้วยังตั้งใจฝากฝังองค์รัชทายาทไว้กับพระอนุชาซุ่นอันอ๋องที่พระองค์เชื่อใจอย่างยิ่ง ให้ซุ่นอันอ๋องเป็นผู้สำเร็จราชการแทน คอยดูแลจัดการราชกิจจนกว่าองค์รัชทายาทจะครบยี่สิบชันษา
ภายหลังมีข่าวลือว่าก่อนหน้าที่เทียนสี่ฮ่องเต้จะสวรรคต พระองค์ได้กำชับให้ซุ่นอันอ๋องคอยระวังอวิ๋นจงอ๋องเซียวเลี่ยเป็นพิเศษ พระองค์ระแวงในตัวพระอนุชาที่ค่อนข้างมีความสามารถ ทั้งยังมีความดีความชอบทางการศึกผู้นี้มาโดยตลอด แต่ที่ผ่านมาเซียวเลี่ยปฏิบัติตนตามระเบียบแบบแผนอยู่เสมอ รวมเข้ากับอุปนิสัยของเทียนสี่ฮ่องเต้ที่ค่อนข้างอ่อนแอ โลเลไม่อาจตัดสินใจได้เสียที ความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องจึงกลายมาเป็นเช่นนี้
ในระหว่างการโขกศีรษะรับปากของซุ่นอันอ๋องที่น้ำตานองหน้า เทียนสี่ฮ่องเต้ก็สวรรคต เซียวอวี้ที่พระชนมายุแปดชันษากลายมาเป็นฮ่องเต้พระองค์ใหม่ของต้าเว่ย ชื่อรัชศกเฉิงหนิง มีซุ่นอันอ๋องเป็นผู้สำเร็จราชการแทน
ทว่าหลังผ่านไปอีกสองปีกว่าฮ่องเต้น้อยกลับสวรรคตด้วยอุบัติเหตุตกจากหลังม้าในการล่าสัตว์ ซุ่นอันอ๋องผู้มีชื่อเสียงดีงามถูกเสนอนามขึ้นมาเป็นฮ่องเต้พระองค์ใหม่อย่างสมเหตุสมผล อาณาจักรต้าเว่ยเริ่มเข้าสู่รัชศกหย่งซี
การขึ้นครองบัลลังก์ของซุ่นอันอ๋องก็ใช่ว่าจะราบรื่น หนึ่งในราชครูที่เทียนสี่ฮ่องเต้แต่งตั้งเป็นผู้สำเร็จราชการในตอนแรกมีนิสัยเปิดเผย เอ่ยออกมาตรงๆ ว่าการสวรรคตของฮ่องเต้น้อยน่าสงสัย กล่าวหาว่าซุ่นอันอ๋องวางแผนลอบปลงพระชนม์ฮ่องเต้น้อย ซ้ำยังมีคนคิดไปว่าฮ่องเต้น้อยยังไม่ได้สวรรคต แต่ถูกขุนนางผู้จงรักภักดีข้างกายคุ้มกันหลบหนีไปได้แล้ว
แต่เพียงไม่นานเสียงคัดค้านและข้อสงสัยเหล่านี้ก็ถูกกดดันจนหายไป ซุ่นอันอ๋องขึ้นครองราชย์ภายใต้แรงสนับสนุนของผู้สำเร็จราชการอีกผู้หนึ่ง จากนั้นได้ออกคำสั่งให้นำกลุ่มขุนนางเก่าที่มีราชครูเป็นผู้นำมาสังหารเสีย บ้างก็ปลดจากตำแหน่ง ไม่นานก็ควบคุมราชสำนักได้อย่างรวดเร็ว
นับตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อนที่เว่ยกั๋วกงตายไป สกุลเผยก็ขาดผู้นำที่มีตำแหน่งอยู่ในราชสำนัก ภายในกลุ่มบุตรหลานรุ่นหลังของสกุลเผย นับตั้งแต่เผยโย่วอันออกจากเมืองหลวงไป ที่เหลืออยู่ก็ไม่มีผู้ใดโดดเด่นอีก ยิ่งไปกว่านั้นฮ่องเต้หนึ่งยุคขุนนางหนึ่งรัชสมัย บุตรสาวของสกุลเผยเคยเป็นฮองเฮาคนแรกของเทียนสี่ฮ่องเต้ สกุลเผยจึงนับว่ามีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับพระเชษฐาในฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน ต่อให้จวนเว่ยกั๋วกงจะไม่ส่งเสียงใดๆ ต่อการขึ้นครองราชย์ของซุ่นอันอ๋อง ทั้งไม่เคยแสดงออกถึงการคัดค้านแต่อย่างใด แต่หากคิดอยากอาศัยความสัมพันธ์เก่าก่อนนี้ฟื้นตัวจนกลับมาได้รับความโปรดปรานตามเดิม ก็เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้แล้ว
หย่งซีฮ่องเต้ปฏิบัติต่อสกุลเผยอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว ในหมู่คนชั้นสูงของเมืองหลวง มีผู้ใดไม่รู้บ้างว่าจวนเว่ยกั๋วกงกลายเป็นลูกธนูที่สุดแรงบิน เป็นบุปผาที่เตรียมเหี่ยวเฉาไปแล้ว ศักดิ์ฐานะเทียบเท่าในอดีตไม่ได้อีกต่อไป ถึงขั้นทุกวันนี้ยังต้องคอยมองดูสีหน้าของบ้านสะใภ้สกุลซ่ง
ปีที่เจินจยาฝูเริ่มต้นชีวิตใหม่ก็คือปีหย่งซีที่สาม ซุ่นอันอ๋องขึ้นครองราชย์แล้ว
นางไม่รู้ว่าตนเองกลับมาในอดีตได้อย่างไร
ทั้งๆ ที่ชีวิตของนางมาถึงจุดสิ้นสุดแล้ว ในชั่วเวลาสุดท้ายนางยังได้พบกับบิดาอีกครั้งในความฝัน แต่เมื่อตื่นขึ้นมาก็พบว่าตนเองกลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง กลับมาในตอนอายุสิบหกปี ในวันครบรอบวันตายปีที่สามของบิดา
บางคนรุ่งโรจน์ขึ้น…บางคนตกอับลง
เจินจยาฝูรู้ว่าอีกไม่นานเท่าไรชะตาชีวิตของผู้คนมากมายภายในราชสำนักแห่งต้าเว่ยจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง
เฉกเช่นในชาติก่อน หลังนางแต่งให้กับเผยซิวจื่อ ยังไม่ทันครบหนึ่งปี ความขัดแย้งระหว่างเชื้อพระวงศ์ก็ปะทุขึ้น หย่งซีฮ่องเต้ลงมือกับอวิ๋นจงอ๋องเซียวเลี่ย อวิ๋นจงอ๋องจึงชูธงต่อสู้เพื่อฮ่องเต้น้อย อาศัยโอกาสก่อกบฏ ทั้งสองฝ่ายเปิดศึกกัน ครึ่งแผ่นดินแห่งต้าเว่ยเข้าสู่ภาวะสงคราม
และก็เป็นเพราะสงครามแย่งชิงบัลลังก์ของคนสกุลเซียวนี้เอง ถึงได้เปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของเจินจยาฝูไปโดยสิ้นเชิง