ข้าผู้นี้··· วาสนาดีเกินใคร
ทดลองอ่าน ข้าผู้นี้… วาสนาดีเกินใคร บทนำ – บทที่ 1
ยามนั้น ในตอนที่สงครามเพิ่งจะปะทุขึ้น ทุกคนต่างมั่นใจว่าหย่งซีฮ่องเต้จะต้องคว้าชัย เผยซิวจื่อที่สืบทอดบรรดาศักดิ์เว่ยกั๋วกงมาอย่างราบรื่น เพื่อที่จะแสดงความภักดีต่อฮ่องเต้และเพื่อสร้างความดีความชอบ เขาจึงนำทหารออกปราบปรามกบฏ คิดไม่ถึงว่าสู้มาจนถึงตอนท้าย อวิ๋นจงอ๋องจะเป็นฝ่ายพลิกกลับมาชนะ กองทัพใหญ่ค่อยๆ เคลื่อนกดดันมายังเมืองหลวง ผู้คนในราชสำนักจำนวนมากเริ่มแปรพักตร์ เผยซิวจื่ออยู่ป้องกันเมืองชิ่งโจวซึ่งเป็นทางที่กองทัพกบฏจะต้องผ่านไปยังเมืองหลวงอย่างสุดกำลัง หลังต่อสู้ไม่ไหวและเมืองแตกในที่สุด จึงได้พาเจินจยาฝูหนีเอาตัวรอด ระหว่างทางถูกเซียวอิ้นถังที่ในยามนั้นยังเป็นอวิ๋นจงอ๋องซื่อจื่อจับตัวเอาไว้ได้
นั่นคือการพบกันครั้งแรกระหว่างเจินจยาฝูกับเซียวอิ้นถังเมื่อชาติที่แล้ว
รูปโฉมของนางเพียงพอจะล่มเมือง…เซียวอิ้นถังจึงได้ต้องตาต้องใจ
เผยซิวจื่อถึงกับยอมรับพฤติกรรมแย่งชิงภรรยาของเซียวอิ้นถังอยู่เงียบๆ
หากมีเพียงแค่นี้ บางทีเจินจยาฝูอาจจะยังพอเข้าใจได้
แต่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นตามมาในภายหลังนั่นต่างหากที่ทำให้นางผิดหวังต่อบุรุษผู้นี้อย่างที่สุด
หลังนางตกอยู่ในกำมือของเซียวอิ้นถัง เริ่มแรกนางขู่ว่าจะฆ่าตัวตาย เซียวอิ้นถังจึงเพียงเก็บนางไว้ข้างกาย ไม่นานจากนั้นเจินจยาฝูก็รู้เข้าโดยบังเอิญว่าเผยโย่วอันที่ออกจากเมืองหลวงไปเมื่อหลายปีก่อนบัดนี้กลับอยู่ในกองทัพของอวิ๋นจงอ๋อง
ในอดีตยามที่ไปเยือนจวนสกุลเผยตอนเด็ก นางเคยพบเผยโย่วอันเพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้น ไม่เคยไปมาหาสู่กันมาก่อน ที่เรียกเขาว่า ‘พี่ใหญ่เผย’ ก็แค่เรียกตามความสัมพันธ์ระหว่างตนเองกับบ้านรองเท่านั้น ในความทรงจำของนาง พี่ใหญ่เผยผู้นี้ร่างกายอ่อนแอเจ็บป่วยกระเสาะกระแสะมาตั้งแต่เด็ก นิสัยเงียบขรึมและเย็นชา ไม่เคยจะสนใจนางสักเท่าไร นางจึงรู้สึกหวาดกลัวเขาอยู่บ้าง ทุกครั้งที่ได้พบกันหากหลีกเลี่ยงได้ก็มักจะเลี่ยงออกไปไกลๆ อยู่เสมอ
ถึงแม้จะไม่คาดหวัง แต่ในสถานการณ์ตอนนั้นเขากลับเป็นเพียงความหวังเดียวของนางแล้ว นางคิดหาวิธีการจนในที่สุดก็ได้พบเขา และเปิดปากขอความช่วยเหลือจากเขา
เผยโย่วอันช่วยเหลือนางจริงๆ โดยออกหน้าขอตัวนางคืนจากเซียวอิ้นถัง ทั้งยังส่งนางกลับมาอยู่ข้างกายเผยซิวจื่อ
แต่ที่ทำให้เจินจยาฝูสิ้นหวังอย่างที่สุดคือพฤติกรรมต่อจากนั้นของเผยซิวจื่อผู้เป็นสามี
เซียวอิ้นถังปรารถนาจะครอบครองนางให้ได้ แม้ยามนั้นจะติดที่เผยโย่วอันออกหน้าช่วยเหลือจึงต้องยอมปล่อยนางไป ทว่าลับหลังเขากลับส่งคนมาหาเผยซิวจื่อเพื่อบอกความต้องการเป็นนัยๆ
เจินจยาฝูไม่รู้ว่าเขาสัญญาหรือไปข่มขู่อะไร อย่างไรเสียจุดจบในตอนสุดท้ายก็คือนางถูกส่งมอบตัวให้เซียวอิ้นถังด้วยมือสามีตนเอง
ภาพเหตุการณ์ในครั้งนั้น ต่อให้เป็นในชั่วเวลานี้นางก็ยังรู้สึกหนาวเหน็บไปทั้งร่างเมื่อนึกถึงขึ้นมา
วันนั้นเผยซิวจื่อจัดโต๊ะอาหารเล็กๆ ดื่มกินกันกับเจินจยาฝูสองคน เขาเหมือนจะเมาแล้ว ดื่มไปดื่มมา ยามที่มองเจินจยาฝูจู่ๆ น้ำตาเขาก็ไหลรินลงมา
เจินจยาฝูรู้ว่าเขาปรารถนาจะรื้อฟื้นชื่อเสียงสกุลเผยกลับมาอีกครั้ง ด้วยเหตุนี้จึงรับปากอดีตบ้านพ่อตาสกุลซ่งหลายๆ อย่าง ได้รับความไม่เป็นธรรมมาไม่น้อย ทั้งยังได้รับคำสั่งให้มาปราบกบฏ เดิมทีเป็นโอกาสอันดีในการสร้างความดีความชอบ ทว่ากลับพบจุดจบอันน่าเศร้าเช่นนี้ อนาคตหมดหวังแล้ว ความทะเยอทะยานและความฝันทุกอย่างสลายหายไปเป็นเถ้าถ่าน
ด้วยรับรู้ว่าในใจเขาเศร้าโศก เจินจยาฝูจึงพยายามปลอบโยน
เขากอดนางร้องไห้โฮราวกับเด็กน้อย บอกว่าตนเองทำผิดต่อนาง ไม่สมควรเป็นบุรุษ
ยามนั้นเจินจยาฝูไม่รู้เรื่องรู้ราวเลยสักนิด เห็นเขาเศร้าโศกเพียงนี้ก็มีแต่เกลียดตนเองที่ไร้ประโยชน์ ไม่อาจช่วยแบ่งเบาความทุกข์ใจของสามีได้ จึงร่วมร้องไห้ไปด้วยกันกับเขา
เย็นวันนั้นนางดื่มจนเมา ก่อนจะถูกเผยซิวจื่ออุ้มกลับไปยังห้องนอน ในตอนที่ตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็พบว่าบุรุษที่อยู่ข้างกายได้เปลี่ยนไปแล้ว เซียวอิ้นถังโอบกอดนาง เขาหลับสนิทยังไม่ตื่น ส่วนนางตัวเปล่าเปลือยไปทั้งร่าง ศีรษะยังปวดอย่างหนัก
เจินจยาฝูสูญเสียอิสระไปนับแต่นั้น…
นางเปลี่ยนจากชายาเว่ยกั๋วกงไปเป็นสมบัติลับของเซียวอิ้นถัง สมบัติที่ไม่มีวันเปิดเผยตัวตนได้ตลอดกาล
เซียวอิ้นถังรักถนอมนางอย่างยิ่ง หลังเขาขึ้นเป็นฮ่องเต้ เพียงเพราะว่านามของนางมีคำว่า ‘ฝู’ เขาจึงสร้างสระบัวขึ้นมาในตำหนักที่นางอาศัยอยู่ ส่วนริมฝั่งก็ปลูกต้นพุดตานเต็มไปหมด ฤดูร้อนดอกบัวบาน ฤดูใบไม้ร่วงดอกพุดตานบาน งดงามราวกับตำหนักเซียนในแดนมนุษย์ ซึ่งอีกชื่อของดอกไม้ทั้งสองมีคำว่าฝูเหมือนกับนามของนาง
ดังนั้นนางจะต้องตอบแทนเขา
การตอบแทนสุดท้ายที่ ‘สมบัติลับ’ เช่นนางทำให้ฮ่องเต้ได้นั้น ว่ากันถึงที่สุดแล้วก็คือการยอมฝังร่วมกับพระองค์ ติดตามพระองค์ไปยังดินแดนหลังความตาย
เจินจยาฝูขอบตาแดงเรื่อ ปลายจมูกตีบตัน ถึงขั้นหายใจไม่ออกไปชั่วขณะหนึ่ง
แสงจันทร์พร่าเลือนส่องลอดผ่านบานหน้าต่างฝั่งตะวันตกเข้ามา สะท้อนลงบนข้าวของภายในห้องอย่างสลัว ข้างหูแว่วเสียงคนเคาะไม้ เจ้าหน้าที่ตรวจตราตีฆ้องบอกเวลา ความเงียบสงัดยามราตรียิ่งทำให้เสียงฆ้องดังชัดเจนขึ้น
นางลุกจากหมอนขึ้นมานั่ง เรือนผมยาวคลอเคลียหัวไหล่ยาวเลยไปถึงแผ่นหลัง โอบล้อมร่างกายนางอย่างอ่อนโยน
นางนั่งอยู่นาน ก่อนพลิกตัวลงจากเตียง สวมใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อยแล้วเดินออกมายังห้องข้างนอก
ถานเซียงนอนหลับอยู่ที่นี่ มู่เซียง สาวใช้ที่เปลี่ยนเวรกับนางในคืนนี้นอนหลับสนิท ทว่าถานเซียงกลับนอนไม่ค่อยหลับ เจินจยาฝูแค่เรียกเบาๆ นางก็ตื่นขึ้นมาแล้ว
“ตามข้าไปที่แห่งหนึ่ง” เจินจยาฝูเอ่ยสั่ง
Comments
