สายตาเยี่ยหมัวมัวแหลมคมมากนัก แม้จะบอกว่าเป็นคนที่เมาเรือจนลุกไม่ขึ้นแล้ว แต่ยันต์สีเหลืองที่หล่นออกมาจากเหอเปากับท่าทางลุกลนของเจินจยาฝู ไฉนเลยจะรอดพ้นสายตานางไปได้
การเดินทางลงใต้อย่างไม่เกรงกลัวต่อความลำบากหนนี้ของนาง นอกจากเพื่อแสดงอำนาจข่มขู่คนแล้ว ยังมีหน้าที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งนั่นก็คือคอยเฝ้าสังเกตบุตรสาวสกุลเจินให้ซ่งฮูหยิน ดูว่านางแอบซ่อนอุบายใดไว้หรือไม่ ก่อนหน้านี้เจินจยาฝูทำตัวเชื่อฟังมาโดยตลอด มองดูแล้วเป็นคนไม่มีความคิดเป็นของตนเอง เมื่อรวมเข้ากับจุดอ่อนเรื่องฐานะของบ้านสกุลเดิม ต่อให้แต่งสตรีเช่นนี้เข้าสกุลเผย กลายไปเป็นมารดาเลี้ยงของเฉวียนเกอเอ๋อร์แล้ว คาดว่าวันหน้าคงไม่อาจเล่นลูกไม้อะไรได้ เดิมทีเยี่ยหมัวมัววางใจลงแล้ว แต่ตอนนี้กลับเกิดความสงสัยขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อเห็นแผ่นหลังของนางออกไปจากห้องก็สั่งให้สาวใช้สกุลเจินออกไป ก่อนเรียกสาวใช้ที่ติดตามตนเองเข้ามาแทน เอ่ยกระซิบเสียงเบาอยู่ไม่กี่ประโยค สาวใช้ผู้นั้นก็ผงกศีรษะ ลอบติดตามไปเงียบๆ ทันที
บังเอิญที่เมิ่งซื่อเองก็กำลังจะมาเยี่ยมเยี่ยหมัวมัว เมื่อพบเจินจยาฝูบนทางเดินจึงเอ่ยถามถึงอาการของเยี่ยหมัวมัว
เจินจยาฝูตอบกลับ “หมัวมัวสบายดีเจ้าค่ะ เพิ่งจะหลับไป ท่านแม่ไม่ต้องไปรบกวนนางแล้ว”
เมื่อเมิ่งซื่อรู้ว่าบุตรสาวเพิ่งไปเยี่ยมอีกฝ่ายมาจึงผงกศีรษะ “ก็ดี เช่นนั้นรอสายกว่านี้แม่ค่อยมาเยี่ยมนางใหม่”
เจินจยาฝูหันหน้ากลับไปเล็กน้อย ปลายหางตาเหลือบไปเห็นสาวใช้สกุลซ่งทำตัวชะเง้อชะแง้คอดูลับๆ ล่อๆ อยู่ทางข้างหลัง ทว่ากลับทำเป็นมองไม่เห็น นางเกี่ยวแขนเมิ่งซื่อแล้วพาอีกฝ่ายเดินไปที่หน้าต่างเรือ
สองแม่ลูกหยุดพูดคุยกันข้างบานหน้าต่าง
เมิ่งซื่อรู้สึกได้ว่าบุตรสาวผิดปกติไป จึงยิ้มเอ่ย “เป็นอะไรไป มีอะไรอยากจะพูดหรือ”
เจินจยาฝูหุบรอยยิ้มลง เสียงสูงขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย “ท่านแม่ ด้านหน้าคือเกาะฝูหมิง วันพรุ่งนี้ก็จะเดินทางถึงแล้ว ลูกได้ยินมาว่าบนเกาะมีวัดกวนอินอยู่แห่งหนึ่ง ลูกอยากไปไหว้พระเจ้าค่ะ”
พระโพธิสัตว์ในวัดกวนอินมีชื่อเสียงโด่งดัง แม้ต้องเดินเรือนานครึ่งวันจึงจะถึง แต่ในทุกวันล้วนมีผู้ศรัทธาเดินทางขึ้นเกาะ บ้างมาขอพร บ้างมาแก้บน ทุกปีเมื่อมาถึงช่วงทำบุญจะมีสตรีจำนวนนับไม่ถ้วนเดินทางข้ามทะเลมาวัดกวนอินเพื่อจุดธูปกราบไหว้ ส่วนมากเพื่อขอเรื่องบุตร เล่าลือกันว่าศักดิ์สิทธิ์อย่างมาก เมิ่งซื่อเองก็เคยได้ยินมา เมื่อได้ยินบุตรสาวเอ่ยขึ้นมากะทันหัน หลังอึ้งไปก็นึกเข้าใจขึ้นมาทันที
กับว่าที่ลูกเขยเผยซิวจื่อ นางรู้สึกพอใจในตัวเขา แต่ทุกครั้งที่นึกได้ว่าบุตรสาวแต่งเข้าไปแล้วก็จะมีลูกเลี้ยงรออยู่ ทั้งสืบข่าวได้ยินมาว่าเด็กคนนั้นเกเรอยู่บ้าง ฮูหยินของสกุลซ่งก็ร้ายกาจมาก ในใจนางพลันกลัดกลุ้ม แอบคาดหวังว่าหลังบุตรสาวแต่งเข้าไปแล้วจะสามารถคลอดบุตรชายของตนเองได้อย่างราบรื่นเร็วๆ จะได้ช่วยให้มีที่ยืนมั่นคงในเร็ววัน
อย่างไรก็บังเอิญเป็นทางผ่าน ทั้งบุตรสาวยังเปิดปากเช่นนี้แล้ว จะมีเหตุผลให้ไม่รับปากได้หรือ นางจึงเอ่ย “ดีเหมือนกัน แม่จะไปแจ้งเอาไว้ พรุ่งนี้พวกเราหยุดพักที่เกาะฝูหมิง แม่จะขึ้นเกาะไปเป็นเพื่อนลูก เพียงแต่…”
นางหันกลับไปมองข้างหลังหนหนึ่ง ไล่บ่าวรับใช้ที่ติดตามอยู่ทั้งหมดให้ถอยไป ก่อนเอ่ยเสียงเบาลงกว่าเมื่อครู่ “อย่าให้หมัวมัวจากสกุลซ่งรู้เป็นดีที่สุด ป้องกันไม่ให้เกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น”
เจินจยาฝูผงกศีรษะ “ลูกจะเชื่อฟังท่านแม่เจ้าค่ะ”
เมิ่งซื่อส่งบุตรสาวกลับไปยังห้องพัก ส่วนตนเองไปหาหัวหน้าพ่อบ้านเพื่อพูดเรื่องที่พรุ่งนี้จะหยุดจอดพักยังเกาะฝูหมิง
โปรดติดตามตอนต่อไป