ทดลองอ่าน นวลหยกงาม บทที่ 12 – หน้า 8 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน นวลหยกงาม บทที่ 12

8 of 8หน้าถัดไป

อาเซิงไม่ประหลาดใจ ถ้าหลูซื่อมีทรัพย์สินมากเกินไปต่างหากเล่าถึงน่าสงสัย เขาเหลือบตาไปเห็นเจ้านายหยุดหมุนถ้วยชาเล่น และเริ่มใช้นิ้วถูแหวนไพลินบนนิ้วโป้ง ก็เข้าใจความหมายแล้ว

“ฮูหยิน หากเป็นแค่ปัญหาเรื่องทะเบียนราษฎร์ กลับสะสางได้ไม่ยากขอรับ พวกท่านไม่จำเป็นต้องเลือกแต่ที่ห่างไกลยากจน ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองฉางอันห่างไปห้าสิบลี้เป็นตำบลหลงเฉวียน ชาวบ้านที่นั่นมีความเป็นอยู่เรียบง่าย ส่วนใหญ่เป็นครอบครัวชาวนา ยังมีหมู่ปัญญาชนบางคนที่สละยศตำแหน่งไปใช้ชีวิตบั้นปลายที่นั่นอย่างสุขสงบ ไร่นาสาโทรอบๆ ล้วนอยู่ในชั้นเลิศ คุณชายของข้าพอมีลู่ทางอยู่บ้าง สามารถช่วยให้พวกท่านขึ้นทะเบียนราษฎร์ จากนั้นตัดแบ่งที่นาไร้เจ้าของออกมาสักสิบหมู่ เสาะหาเรือนพักสักหลังอยู่พำนักชั่วคราวไปสี่ห้าเดือนได้โดยไม่เหลือบ่ากว่าแรงอะไร ทั้งไม่ต้องใช้สอยเงินทอง ฮูหยินเห็นเป็นเช่นใดขอรับ”

หลูซื่อสองจิตสองใจขึ้นมาทันใด นางรู้ดีว่าสำหรับคนบางคนแล้ว การขึ้นทะเบียนและปันที่นาเป็นเรื่องเล็กน้อยมาก ถ้านางตอบตกลงก็จะหมดปัญหายุ่งยาก แต่ว่าตนเองติดค้างอีกฝ่ายมากพอแล้ว ขืนรบกวนพวกเขาอีกจริงๆ ออกจะไม่ชอบด้วยเหตุผลไปบ้าง

อาเซิงรู้จักอ่านสีหน้าผู้อื่น เห็นนางมีท่าทางเช่นนี้ เขาจึงรีบกล่าวขึ้น “ฮูหยิน น้องอี๋อวี้ยังต้องช่วยข้าปลูกต้นปั้วเหอ ส่วนเรื่องขึ้นทะเบียนไม่นับเป็นเรื่องใหญ่จริงๆ เกรงว่าในสายตาของเจ้านายข้ายังไม่สำคัญเท่าต้นปั้วเหอเลย ท่านตอบตกลงเถอะขอรับ พวกเราจะได้เก็บข้าวของออกเดินทางกันต่อ”

ปกติหลูซื่อเป็นคนเฉียบขาดอยู่แล้ว หลังขบคิดอย่างละเอียดถี่ถ้วนก็ตอบตกลง ดังคำโบราณที่ว่าหนี้มากไม่กลัวชดใช้คืนแล้ว

พวกนางสามคนกล่าวขอบคุณอาเซิงกับคุณชายฉางจากใจจริงอีกครั้ง เมื่อซาลาเปา ข้าวต้ม และกับข้าวง่ายๆ ถูกทะยอยนำมาวางบนโต๊ะจนครบ พวกเขากินอาหารมื้อเช้าเสร็จยังสั่งห่อซาลาเปาอีกสองเข่งไปด้วย จากนั้นยกสัมภาระขึ้นรถม้าแล้วเร่งเดินทางต่อไป

 

ตกบ่ายวันต่อมา ขบวนเดินทางก็มาถึงตำบลหลงเฉวียนที่อาเซิงว่าไว้ รถม้าแล่นเข้าไปอย่างเชื่องช้า อี๋อวี้นั่งอยู่ในรถม้าเลิกม่านขึ้นด้วยความสนใจใคร่รู้ เพียงเห็นริมถนนฝั่งหนึ่งเป็นเรือนชานบ้านช่องตั้งเรียงรายกันไปอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย หลังคาลาดด้านเดียว ก่ออิฐสีน้ำตาลมุงกระเบื้องสีแดง เมื่อตรงไปข้างหน้าอีกหลายสิบจั้งเศษ คฤหาสน์ที่มีประตูสูงใหญ่หลังหนึ่งปรากฏขึ้นเบื้องหน้าสายตาฉับพลัน เทียบกับบ้านเรือนที่เห็นก่อนหน้าแล้วละม้ายยักษ์ตนหนึ่งที่ยืนเด่นตระหง่านก็ไม่ปาน ตัวเรือนเป็นอิฐสีแดงมุงกระเบื้องสีเขียว ยังมีเสาเขียนลายลงรักแดง พอรถม้าแล่นต่อไปอีกหลายสิบจั้งก็เห็นเรือนหลังใหญ่โตมีประตูหรูหราอีกหลังหนึ่งบนบานประตูลงรักแดงยังตกแต่งด้วยปิ่นทวาร ทรงสี่เหลี่ยมข้าวหลามตัดสีทองสลักเสลาละเอียดซับซ้อนทั้งซ้ายขวาบานละสี่แท่ง อี๋อวี้ตระหนกในใจ รับรู้ได้ว่าแขนของมารดาที่กอดนางไว้กระชับแน่นขึ้น

อาเซิงจอดรถม้าไว้ด้านหน้าเรือนหลังที่สองทางทิศเหนือของถนนสายนี้ อี๋อวี้แลลอดม่านกั้นประตูรถม้า เห็นเขากระโดดลงไปอย่างคล่องแคล่วปราดเปรียวแล้วสาวเท้าไปยังหน้าประตูเรือนตรงหน้า ยื่นมือไปจับห่วงสีทองเคาะบานประตูลงรักแดงแรงๆ หลายที

ไม่นานนักมีคนมาเปิดประตู บานประตูที่สูงเท่าคนสองคนต่อตัวกันถูกดึงเปิดออกเป็นช่องช่องหนึ่งจากทางข้างใน เด็กหนุ่มร่างผอมในชุดเสื้อคลุมตัวสั้นกับกางเกงรัดข้อเท้า สวมหมวกครอบศีรษะสี่จีบท่าทางคล้ายบ่าวในเรือนผู้หนึ่งลอดตัวออกมาจากข้างใน เสียงพูดคำว่า “ใครกัน” เพิ่งหลุดออกจากปาก พอเขาเห็นหน้าอาเซิงชัดถนัดตาก็นิ่งงันไปในทีแรก ต่อมาเบิกตากว้างอย่างตื่นเต้นยินดี

“พี่หลี่! ท่านมาได้อย่างไรกันขอรับ” เด็กรับใช้ผู้นี้มีวัยเพียงสิบสี่สิบห้า ผิวกายออกคล้ำๆ แต่เมื่อพิศดูดีๆ แล้วรูปหน้าสมส่วนเกลี้ยงเกลา มองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นคนหัวไว

อาเซิงยื่นมือไปตบท้ายทอยเขาเบาๆ ทีหนึ่ง กล่าวกลั้วเสียงหัวเราะ “คุณชายกลับมาแล้ว รีบเปิดประตูแล้วเข้าไปบอกพ่อบ้านหลี่”

เด็กรับใช้หน้าดำชะโงกศีรษะไปดูรถม้าที่จอดอยู่หน้าประตูใหญ่ สบเข้ากับดวงตาสุกใสคู่โตของอี๋อวี้ที่มองมาพอดี เขาหยุดชะงักเล็กน้อย ก่อนจะหมุนกายไปผลักบานประตูใหญ่สีแดงสองบานออกทั้งซ้ายขวา และวิ่งลิ่วๆ เข้าไปข้างใน

อาเซิงเดินย้อนกลับมาที่รถม้า เขาเปิดม่านกั้นขึ้น ยื่นมือประคองคุณชายฉางลงมา พวกหลูซื่อก้าวตามหลังลงไปทีละคน หลังจากทุกคนยืนอยู่หน้าประตูเป็นเวลาครู่หนึ่ง ด้านในประตูใหญ่เริ่มมีเสียงอึกทึกดังขึ้นแว่วๆ พริบตาเดียวเห็นบ่าวในเรือนแต่งกายแบบเดียวกับเด็กรับใช้เมื่อครู่นี้ห้าหกคนวิ่งทะยานกันออกมาหยุดยืนเบื้องหน้าคุณชายฉางซึ่งยืนตัวตรงเอามือไพล่หลังไว้ห่างออกไปห้าก้าวอย่างลุกลี้ลุกลน

“คุณชาย” พวกเขาโค้งกายพร้อมเรียกขานเป็นเสียงเดียวกัน จวบจนคุณชายฉางพยักหน้าน้อยๆ ถึงเริ่มพากันทำงานกันวุ่นวายโกลาหล คนหนึ่งยกสัมภาระลงจากรถม้า คนหนึ่งขยับเข้าไปไต่ถามอาเซิง คนหนึ่งจูงรถม้าอ้อมไปที่ประตูหลัง อีกคนหนึ่งนำหน้าพาคุณชายฉางพร้อมด้วยหลูซื่อกับบุตรสาวสองคนเดินเข้าไปข้างใน

 

โปรดติดตามตอนต่อไป

8 of 8หน้าถัดไป

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in ทดลองอ่าน

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com