หลังจากข้ามมิติกลับมายังราชวงศ์ถัง อี๋อวี้ผ่านพ้นฤดูร้อนโดยไม่มีเครื่องปรับอากาศและฝักบัวอาบน้ำเป็นครั้งแรก อันที่จริงช่วงกลางฤดูร้อนของยุคโบราณมีอุณหภูมิต่ำกว่าฤดูร้อนในอีกพันกว่าปีข้างหน้า ตอนเที่ยงวันสวมเสื้อชั้นเดียวก็มีเหงื่อซึมๆ เท่านั้น นางคาดคะเนเอาเองว่าเวลาที่ร้อนที่สุดน่าจะแค่สามสิบห้าองศา
หมู่บ้านเค่าซานไม่มีบ่อน้ำ คนในหมู่บ้านล้วนไปตักน้ำที่ลำธารสายหนึ่งตรงภูเขาด้านหลังหาบกลับมาล้างหน้าบ้วนปาก สำหรับการซักผ้า ปกติหลูซื่อต้องหอบไปซักที่ปลายน้ำ
ยามที่หลูจื้อกับหลูจวิ้นรู้สึกร้อนจะชอบไปอาบน้ำที่ริมลำธาร บุรุษส่วนใหญ่ในชนบทไม่เคร่งครัดธรรมเนียมประเพณีอะไรนัก ทว่าหลูซื่อยังต้มน้ำในห้องครัวก่อนถึงให้ตนเองกับอี๋อวี้ใช้สอย และห้ามบุตรสาวไปเล่นน้ำที่ริมลำธารอย่างเด็ดขาด ประการหนึ่งคือกลัวอันตราย อีกประการหนึ่งยกเหตุผลว่าสตรีไม่พึงสัมผัสน้ำเย็นมากเกินไป
ห้องครัวในเรือนมีเสื่อสานผืนหนึ่งผูกยึดกับขื่อห้อง กั้นมุมหนึ่งให้พอจะยืนได้สองคนเป็นที่ล้างเนื้อล้างตัวโดยเฉพาะ ถึงอย่างไรตัวตนแท้ๆ ข้างในของอี๋อวี้ยังติดความเคยชินของคนยุคปัจจุบันอยู่บ้าง ในฤดูร้อนไม่ได้อาบน้ำก็จะนอนไม่หลับ แต่หาบน้ำกินแรง ต้มน้ำเปลืองฟืน ตอนแรกๆ นางแค่อาบน้ำครั้งหนึ่งทุกสองสามวัน ตอนหลังหลูจื้อพบว่านางเหงื่อออกง่ายและขี้ร้อนจริงๆ หลูจวิ้นเลยหาบน้ำมาใส่ตุ่มจนเต็มทุกวัน พอหลูซื่อสังเกตเห็นว่านางมีเหงื่อออกเยอะก็จะจุดเตาต้มน้ำแล้วชำระกายให้นางอย่างสะอาดสะอ้าน เพียงดูจากเรื่องเล็กๆ เรื่องนี้ก็รู้ว่าชาวสกุลหลูทะนุถนอมนางขนาดไหน ซึ่งนี่ไม่เหมือนกับการเลี้ยงดูบุตรสาวในชนบทเลย
อี๋อวี้ไม่ใช่คนที่ซาบซึ้งใจต่อสิ่งใดง่ายนัก แต่มาอยู่ในสกุลหลูครึ่งปี พวกเขามิใช่เอาใจใส่นางแค่เรื่องการกินการอยู่ พี่ชายสองคนยังชอบหยอกให้นางอารมณ์ดี ส่วนมารดาอย่างหลูซื่อยิ่งหักใจให้นางคับข้องหมองใจไม่ได้แม้แต่น้อยนิด ด้วยเหตุฉะนี้นางจึงค่อยๆ ปล่อยวางสิ่งต่างๆ ในอดีตลงได้แล้วจริงๆ และใช้ชีวิตเป็นเด็กหญิงที่ไร้ทุกข์ไร้โศกทั้งยังว่าง่ายรู้ความคนหนึ่ง ตั้งอกตั้งใจคัดตัวอักษรฝึกปักผ้าทุกวัน บางครั้งบางคราก็พูดจาตามประสาเด็กน้อยสร้างความสำราญให้ครอบครัว
ถึงฤดูใบไม้ร่วง งานในแปลงนาเริ่มต้นยุ่งวุ่นวาย หลูซื่อจ้างคนไปไถนาหว่านเมล็ด ด้านอี๋อวี้กลับเริ่มวางแผนเพิ่มพูนเงินทอง จะว่าไปแล้วที่มาของความคิดนี้ต้องยกความดีให้หลูจวิ้น พี่ชายคนรองของนาง พักก่อนตอนเขาแอบพานางไปเล่นในป่าที่ภูเขาด้านหลังลับหลังมารดา ค้นพบสิ่งหนึ่งที่คล้ายคลึงกับต้นไม้บางชนิดในยุคปัจจุบัน มันทำให้นางคิดวิธีหาเงินได้ทันที
ปิงถังหูลู่ ขนมพื้นเมืองดั้งเดิมของจีน วิธีทำง่ายดาย ส่วนประกอบก็ราคาถูก ว่ากันว่าขนมชนิดนี้ปรากฏขึ้นหลังราชวงศ์ซ่ง เห็นทีว่ายุคนี้ยังไม่เคยมีคนทำออกมา เมื่อตอนอี๋อวี้เป็นนักศึกษาปีสาม ไม่ต้องเรียนหนักนัก เคยเช่าหน้าร้านเล็กๆ แห่งหนึ่งหน้าประตูมหาวิทยาลัยขายขนมกับเด็กสาวคนหนึ่งที่เป็นเพื่อนร่วมห้องกัน ขนมที่ขายเป็นหลักได้แก่ปิงถังหูลู่ทุกแบบ ดังนั้นสำหรับนางแล้ว ทำขนมชนิดนี้ได้อย่างสบายมือแน่นอน
ในพุ่มไม้กลางป่าเล็กที่ภูเขาด้านหลัง นางพบส่วนประกอบสำคัญอย่างหนึ่งในการทำปิงถังหูลู่แบบดั้งเดิมแรกสุด นั่นก็คือ…ต้นซานจา กิ่งก้านใบที่แผ่สาขาไปรอบทิศ แซมแทรกด้วยผลเล็กๆ สีแดงปกคลุมด้วยไรขนแหลมๆ ทั่วทั้งลูก ขนาดของมันบ้างใหญ่เท่าผลลำไย บ้างเล็กเท่าเหรียญสำริด แต่ล้วนมีสีสันสดสวยสะดุดตา เมื่อแรกนางยังไม่ใคร่แน่ใจ พอเด็ดมาลองลิ้มชิมรสอย่างละเอียดก็มั่นใจในที่สุดว่ามันคือผลซานจา อี๋อวี้คิดไปถึงปิงถังหูลู่รสเปรี้ยวอมหวานชวนให้น้ำลายสอ แทบจะในเวลาเดียวกับที่ยืนยันได้ว่าผลไม้สีแดงนี้คืออะไร
แรงดลใจมักผุดขึ้นมาในเวลาที่ไม่ตั้งใจเสมอ อี๋อวี้ซึ่งขบคิดหนทางหาเงินอย่างหนักมานับครึ่งปีพบสินค้าอย่างหนึ่งที่ค่อนข้างเหมาะกับชีวิตผู้คนในยุคนี้ เมื่อได้ความคิดแล้ว นางขอให้หลูจวิ้นพานางไปที่ป่าแห่งนั้นทุกสี่ห้าวัน หลังเฝ้าตอรอกระต่าย มานานครึ่งเดือน ถึงได้ต้อนรับผลซานจาที่สุกงอมเป็นดงใหญ่