ทดลองอ่าน
ทดลองอ่าน นิยายเรื่องนี้ข้าไม่ได้เขียน! เล่ม 3 บทที่ 5-6
หลี่หลิงหว่านสบายใจขึ้นมาก จากนั้นนางก็คิดว่าจะลองหยั่งเชิงหลี่เหวยหยวนอย่างไรดี ในเมื่อคืนนั้นนางไม่มั่นใจว่าหลี่เหวยหยวนไปถึงที่เรือนตั้งแต่เมื่อใด ที่สุดแล้วเขาได้ยินบทสนทนาระหว่างนางกับตู้ซื่อหรือไม่ ทั้งได้ยินไปมากน้อยเพียงใด ทว่าดูแล้วตอนนี้เหมือนกับว่าหลี่เหวยหยวนจะไม่ได้ยินประโยคพวกนั้นจริงๆ ไม่เช่นนั้นหากเขารู้ว่าระหว่างนางกับเขาหาได้มีความสัมพันธ์ใดๆ ทางสายโลหิต ไม่ได้เป็นลูกพี่ลูกน้องกัน เกรงว่าเขาคงไม่มีทางปฏิบัติต่อนางดีเหมือนกับในตอนนี้
คิดมาถึงตรงนี้ในใจหลี่หลิงหว่านก็ยิ่งสงบมากขึ้น ยามนี้ภายในห้องมีแสงเทียนวูบไหว ทุกบริเวณล้วนส่องสว่าง ความหวาดกลัวในใจนางจึงยิ่งลดน้อยลง ทั่วทั้งร่างก็ผ่อนคลายลงมาก และเมื่อผ่อนคลายลงนางก็รู้สึกหิวขึ้นมาแล้ว
นางหมดสติไปถึงสองวันสองคืน ไม่มีข้าวตกถึงท้องเลยแม้แต่น้อย
“พี่ชาย ข้าหิวแล้วเจ้าค่ะ” หลี่หลิงหว่านเอียงศีรษะมองหลี่เหวยหยวนแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงออดอ้อน “ข้าอยากกินโจ๊กไก่ฉีก”
หลี่เหวยหยวนส่งเสียงเรียกเสี่ยวซานกับเสี่ยวอวี้ ให้พวกนางเข้ามาจุดเทียนภายในห้องทั้งหมด แล้วก็ไปนำโจ๊กไก่ฉีกร้อนๆ มาด้วย
เสี่ยวซานกับเสี่ยวอวี้เห็นว่าตอนนี้หลี่หลิงหว่านมีท่าทางกระปรี้กระเปร่า เห็นทีอาการป่วยน่าจะหายดีแล้ว ในใจพวกนางจึงมีความสุข บนใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เสี่ยวซานอยู่จุดเทียนภายในห้อง ส่วนเสี่ยวอวี้ก็ออกไปเอาโจ๊กไก่ฉีก
หลี่เหวยหยวนหยิบถ้วยยาที่วางอยู่บนโต๊ะเล็กบริเวณหัวเตียงขึ้นมาแล้วยื่นส่งไปให้ “หว่านวาน ดื่มยา”
แม้แต่ยามหมดสติจิตใต้สำนึกของหลี่หลิงหว่านยังปฏิเสธที่จะดื่มยา แล้วนับประสาอะไรกับยามนี้ที่นางมีสติครบถ้วนสมบูรณ์แล้วเล่า
หลี่หลิงหว่านยกมือขึ้นปิดปากปิดจมูก น้ำเสียงอู้อี้ลอดผ่านฝ่ามืออ่อนนุ่มของนางออกมา “แค่กลิ่นก็ขมขนาดนี้ เวลาดื่มต้องยิ่งขมมากแน่ ข้าไม่อยากดื่มเจ้าค่ะ”
หลี่เหวยหยวนจนใจ แต่ยังคงเอ่ยเกลี้ยกล่อมนางอย่างอดทน “ยาดีย่อมขมปาก ดื่มยาไปแล้วอาการป่วยของเจ้าก็จะหายดี เด็กดี รีบดื่มเร็วเข้า”
สุดท้ายหลี่หลิงหว่านที่ถูกหลี่เหวยหยวนเกลี้ยกล่อมจนไร้หนทางให้บ่ายเบี่ยงแล้วก็เริ่มหาข้ออ้างอื่นแทนด้วยการชี้ไปยังถ้วยยาในมือหลี่เหวยหยวนพลางเอ่ยอย่างรังเกียจ “นี่ไม่มีแม้แต่ช้อนเสียด้วยซ้ำ จะให้ข้าดื่มอย่างไรกัน พี่ชาย พี่โง่หรือ ตอนยกยาถ้วยนี้มาเหตุใดจึงไม่รู้จักหยิบช้อนมาด้วยสักคันเล่า”
หลี่เหวยหยวนก้มหน้ามองถ้วยยาในมืออย่างกระอักกระอ่วนเล็กน้อย
จะต้องการช้อนไปทำไม สองวันที่ผ่านมาเขาป้อนนางดื่มยาโดยไม่เคยต้องใช้ช้อนเลย แต่ก็ไม่อาจบอกให้หลี่หลิงหว่านรู้ได้ว่าที่ผ่านมาเขาใช้วิธีการป้อนยาแบบปากต่อปากให้นาง
เมื่อคิดถึงเรื่องการป้อนยาให้หลี่หลิงหว่านแบบปากต่อปากแล้ว หัวใจหลี่เหวยหยวนก็ร้อนรุ่มขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ลิ้นนุ่มหอมหวานลื่นละมุนดุจหยก ต่อให้เป็นยาที่ขมยิ่งกว่านี้ก็ยังไม่อาจลบล้างความงดงามตราตรึงของส่วนนี้ไปได้ ช่างเป็นสัมผัสที่ชวนให้ผู้คนอาวรณ์หายิ่งนัก
ในตอนนั้นเองหลี่หลิงหว่านก็หาเหตุผลที่ไม่จำเป็นต้องดื่มยาชั่วคราวขึ้นมาได้แล้ว นางยื่นมือออกไปลูบถ้วยยา จากนั้นก็หดมือกลับมาทันที “ยาถ้วยนี้เย็นเฉียบ จะดื่มได้อย่างไรเจ้าคะ พี่ชาย ข้าไม่ดื่ม”
หลี่เหวยหยวนทำได้เพียงยอมไปก่อน เขาส่งถ้วยยาไปให้เสี่ยวซานแล้วสั่งให้นางนำยาถ้วยนี้ไปอุ่น จากนั้นจึงหันหน้ามาเอ่ยกับหลี่หลิงหว่าน “รอเจ้ากินอาหารเย็นเสร็จแล้วค่อยดื่มยาอีกที”
หลี่หลิงหว่านลอบเบ้ปาก รอหลังนางกินโจ๊กไก่ฉีกเสร็จแล้ว นางก็จะหาเหตุผลไล่หลี่เหวยหยวนกลับไป รอหลี่เหวยหยวนกลับไปแล้ว ผู้ใดจะยังกล้าบังคับนางให้ดื่มยาอีก
กระทั่งถึงตอนที่กินอาหารเย็นเสร็จแล้ว นางก็รีบร้อนเอ่ยว่า “สองวันมานี้พี่ชายลำบากมากจริงๆ ตอนนี้อาการป่วยของข้าก็ดีขึ้นมากแล้ว พี่ชายรีบกลับไปพักผ่อนเถิดเจ้าค่ะ”
น่าเสียดายที่หลี่เหวยหยวนไม่ใช่คนที่หลอกลวงได้ง่ายถึงเพียงนั้น
หลี่เหวยหยวนยังคงนั่งนิ่งไม่ขยับ ทั้งยังเหลือบตาขึ้นมองนางคราหนึ่ง แล้วเอ่ยออกมาอย่างเนิบช้า “รอดูเจ้าดื่มยาเสร็จแล้วข้าค่อยกลับไป”
จากนั้นก็ให้เสี่ยวซานนำยาถ้วยนั้นที่อุ่นเรียบร้อยแล้วเข้ามา
หลี่หลิงหว่านสบถคำหยาบขึ้นมาในใจอย่างอดไม่ได้ นางถลึงตามองหลี่เหวยหยวนทีหนึ่ง หากสายตากลายเป็นคมอาวุธขึ้นมาจริงๆ เกรงว่ายามนี้ร่างกายของหลี่เหวยหยวนจะต้องถูกนางมองจนพรุนไปนานแล้วเป็นแน่
หลี่เหวยหยวนยังคงนั่งอยู่ที่เดิม ทั้งยังนำถ้วยยาที่ถืออยู่ในมือยื่นไปข้างหน้าพลางยิ้มเอ่ย “หากเจ้าไม่ดื่มยาถ้วยนี้ ข้าก็ไม่มีวันกลับไป”
หลี่หลิงหว่านถลึงตามองเขาอีกครั้ง จากนั้นจึงยื่นมือไปรับถ้วยยาในมือเขามา ก่อนจะกัดฟันแล้วหลับตายกยาถ้วยนั้นขึ้นดื่มด้วยท่าทีเด็ดเดี่ยวดั่งผู้กล้าตัดข้อมือ อย่างไรอย่างนั้น นางดื่มอึกๆ ลงไปจนหมดในคราวเดียวราวกับกำลังดื่มน้ำเปล่า รอจนดื่มเสร็จแล้วก็ยื่นถ้วยเปล่าไปตรงหน้าหลี่เหวยหยวน เอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “ถ้าเช่นนั้นยามนี้พี่ก็กลับไปได้แล้วใช่หรือไม่ ข้าจะนอนแล้ว”
หลี่เหวยหยวนยื่นมือออกไปรับถ้วยยามาถือไว้แล้วโน้มตัวไปใกล้นาง บนใบหน้าประดับรอยยิ้มอ่อนโยน ยกมือขึ้นยัดของบางอย่างเข้าไปในปากนาง
หลี่หลิงหว่านตกใจ ขณะที่กำลังจะถามว่าเขาให้นางกินอะไร ปลายลิ้นก็สัมผัสได้ถึงรสชาติที่ทั้งเปรี้ยวและหวาน ก่อนจะเห็นหลี่เหวยหยวนล้วงโถกระเบื้องลายครามเขียนรูปดอกบัวออกมาจากแขนเสื้อราวกับเล่นกลพร้อมยัดใส่มือนางแล้วยิ้มเอ่ย “ผลไม้เชื่อมของร้านไฉ่เยวี่ยไจ”
ไฉ่เยวี่ยไจเป็นร้านขายผลไม้เชื่อมที่มีชื่อเสียงที่สุดของเมืองหลวง ต่อให้เป็นแค่ผลไม้เชื่อมโถเล็กๆ เช่นนี้ แต่โถหนึ่งก็มีราคาที่แพงมากแล้ว กระนั้นหลี่หลิงหว่านก็ไม่ได้เกรงใจหลี่เหวยหยวนแต่อย่างใด นางรีบรับโถมาด้วยรอยยิ้มกว้าง
หลี่เหวยหยวนยังกำชับหลี่หลิงหว่านอีกหลายประโยค สุดท้ายก็ทิ้งไว้ประโยคหนึ่งว่า “พรุ่งนี้ข้าจะมาเยี่ยมเจ้าอีกครั้ง” จากนั้นก็หมุนตัวเดินออกจากห้องนอนของนางไป
แต่ในยามที่เดินออกมานั้น สายตาของเขาก็มองไปที่เสี่ยวซาน บอกเป็นนัยให้นางตามเขาออกมาด้วย เสี่ยวซานเห็นแล้วก็รีบร้อนติดตามมา ก่อนเอ่ยถามอย่างนอบน้อม “คุณชายใหญ่มีอะไรให้บ่าวรับใช้หรือเจ้าคะ”
บนใบหน้าของหลี่เหวยหยวนไม่ได้ประดับรอยยิ้มอบอุ่นเฉกเช่นที่อยู่ต่อหน้าหลี่หลิงหว่านอีก บริเวณหว่างคิ้วปรากฏความกังวลขึ้นมา
“แม้หว่านวานจะฟื้นและอาการดูดีขึ้นมากแล้ว แต่เกรงว่าจะเป็นแค่ในตอนนี้เท่านั้น หลังนอนหลับนางอาจจะฝันร้ายอีก ตอนกลางคืนให้เจ้ากับเสี่ยวอวี้มานอนอยู่ด้านนอกฉากบังลมในห้องนอนนาง พวกเจ้าทั้งสองคนก็ตื่นตัวเสียหน่อย หากคุณหนูฝันร้ายแล้วกรีดร้องขึ้นมา ให้รีบเข้าไปดูนาง และหากเกิดความผิดปกติอันใดขึ้นกับคุณหนู จำไว้ว่าต้องมาบอกให้ข้ารู้ทันที”
เสี่ยวซานรีบร้อนขานรับทุกคำ
หลี่เหวยหยวนยังกำชับอีก “ตอนกลางคืนภายในห้องนอนนางจะต้องจุดโคมไฟเอาไว้เสมอ หากช่วงนี้นางตื่นขึ้นมาตอนกลางคืน เกรงว่าจะกลัวความมืดเอาได้”
เสี่ยวซานขานรับอีกครั้ง
หลังจากนั้นหลี่เหวยหยวนยังกำชับถึงเรื่องอื่นๆ ที่ต้องระวังอย่างละเอียด จากนั้นถึงค่อยหมุนตัวเดินจากไปอย่างช้าๆ
เดิมทีเขายังคงอยากเฝ้าหลี่หลิงหว่านอยู่ที่เรือนนี้โดยไม่จากไปไหนเลยสักก้าว แต่ในเมื่อยามนี้นางตื่นขึ้นมาแล้ว ทั้งยังเอ่ยปากบอกให้เขากลับไปก่อนด้วยตนเองเช่นนี้ หากเขายังรั้งอยู่อีก เกรงว่านางจะคิดมาก เขาจึงทำได้เพียงจากไปก่อนชั่วคราว รอวันพรุ่งนี้ค่อยกลับมาหานางใหม่อีกครั้ง