จิ้นเสวียนซึ่งอยู่อีกด้านหนึ่งกลับมิได้เบาใจขนาดนั้น
เขาเจาะโลหิตนางมาทำพิธี ใช้อาคมเสริมแรงผนึก หลังจากทำพิธีเสร็จสิ้นเขาก็แวะไปดูสตรีผู้นั้น นางยังคงจ้องมองเขาด้วยนัยน์ตาคู่งาม ยังคงยืนอยู่ตรงนั้นด้วยท่วงท่าอรชรชดช้อย ยังคงเหมือนดั่งสตรีธรรมดาทั่วไป มองดูอยู่เนิ่นนานก็ยังไม่เห็นนางเผยหางจิ้งจอกออกมา
เขาใช้วิชาเบญจธาตุทั้งหมดแต่ก็ยังไม่อาจบีบให้นางปีศาจปรากฏโฉมออกมาได้ หางที่โผล่ออกมาราวกับดอกถานฮวาผลิบานเมื่อคราวก่อนคล้ายกับเป็นเพียงความเข้าใจผิดของเขาเท่านั้น
จิ้นเสวียนเดินไปมาอยู่ในห้องโถงหลัก นางปีศาจยากจะกำราบ ทำให้เขาปวดเศียรเวียนเกล้าเป็นอย่างยิ่ง จับปีศาจมาหลายปี เขาไม่เคยพบเจอปีศาจตนไหนที่รับมือยากเช่นนี้มาก่อนเลย
เขานั่งลงตรงหน้าโต๊ะ ใช้นิ้วชี้เคาะผิวโต๊ะพลางคิดตรึกตรอง หลังครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะก็เดินออกไปเรียกลูกศิษย์คนหนึ่งเข้ามา
“ไปเรียกจิ้งเหลยมา”
พอลูกศิษย์ที่อยู่นอกประตูได้รับคำสั่งก็หันกายเดินออกไปหาศิษย์พี่รอง ครู่หนึ่งผ่านไปจิ้งเหลยก็ก้าวเข้ามาภายในเรือน
“อาจารย์”
“ปิดประตูแล้วเดินเข้ามาข้างใน” จิ้นเสวียนทิ้งวาจาเอาไว้แล้วหมุนกายเดินเข้าไปที่เรือนชั้นใน
กระทั่งจิ้งเหลยเดินตามเข้ามา เขาก็ชี้ไปยังขวดยาที่อยู่บนโต๊ะ
“เจ้าหาโอกาสเหมาะๆ เทยาที่อยู่ในขวดใบนี้ใส่ในกาน้ำชาของสตรีคนนั้นเสีย”
จิ้งเหลยหยิบขวดยาขึ้นมา ใบหน้าเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
“อาจารย์ นี่คือยาลวงปีศาจ?”
“ถูกต้อง”
ยาลวงปีศาจ…เป็นยาสะกดวิญญาณที่ปรุงขึ้นให้กับปีศาจโดยเฉพาะ พอปีศาจกินเข้าไปก็จะสามารถทำให้ปีศาจมารร้ายสูญเสียสัญชาตญาณเดิม จิตใจโดนบังคับควบคุม
นักพรตหลายคนปรุงยานี้ขึ้นมาหลักๆ เพื่อใช้กับปีศาจร้ายที่กำราบยาก และอาศัยยานี้ควบคุมปีศาจเพื่อเอามาเป็นทาสรับใช้ตน
ในบรรดาศิษย์สองคนที่จิ้นเสวียนหลอกเข้าสำนักมาในตอนแรกสุด ศิษย์คนโตจิ้งเฟิงเป็นคนซื่อๆ ตรงไปตรงมา เล่าเรียนวิชาเวท เรียนวาดยันต์ หรือท่องคาถาก็ล้วนขยันเป็นที่สุด สั่งให้เขาท่องจากหน้าไปหลัง เขาจะไม่มีทางท่องจากหลังไปหน้าแน่นอน เรียนมาอย่างไรก็ปฏิบัติตามนั้น
ทว่าศิษย์คนรองจิ้งเหลยนั้นมีปฏิภาณไหวพริบดีเลิศ หากลงโทษให้เขาคัดตำราคาถาทั้งเล่ม เขาก็จะใช้คาถาในตำราสร้างมนุษย์กระดาษคนหนึ่งออกมาช่วยเขาคัดตำราทั้งเล่ม พอเรียนเป็นปุ๊บก็เอามาใช้ประโยชน์ทันที
ด้วยเหตุนี้เรื่องวางยานี่สั่งให้จิ้งเหลยศิษย์คนรองไปทำจะเหมาะสมที่สุด
จิ้งเหลยจ้องมองขวดยา ในดวงตาเปล่งประกายแพรวพราวระยิบระยับ ต่อมาก็มองดูรอยข่วนบนใบหน้าของอาจารย์ จากนั้นก็นึกถึงบทสนทนาในหมู่ลูกศิษย์ในระยะนี้ขึ้นมา
ทุกคนล้วนพูดว่าอาจารย์ดูเหมือนเกรงขามน่าหวาดหวั่น แต่จริงๆ แล้วกลับเป็นคนกลัวภรรยา ทีแรกถูกอาจารย์หญิงตบหน้าเข้าหนึ่งฉาด ต่อมาก็ถูกอาจารย์หญิงข่วนจนหน้าเป็นแผลอีก
มีลูกศิษย์บางคนเข้าใจเรื่องระหว่างชายหญิง จึงหัวเราะหึๆ พร้อมกล่าวว่าอาจารย์ขอร่วมรักไม่สำเร็จ ถูกอาจารย์หญิงปฏิเสธ ดังนั้นจึงเอาแต่ตีหน้าเหม็นบูดทั้งวี่ทั้งวัน ความปรารถนาไม่ได้รับการตอบสนองเติมเต็ม!
จิ้งเหลยที่รู้ความจริงได้ยินแล้วก็เกือบจะหัวเราะจนช้ำใน เขารู้ว่าเรื่องทั้งหมดนี้หาใช่ความจริงไม่ แต่ก็แปลกใจเช่นกันว่าเหตุใดอาจารย์ถึงจัดการนางปีศาจตนนั้นไม่ได้เสียที ตอนนี้ดูเหมือนว่าอาจารย์จะเอาจริงเสียแล้ว
“พอให้นางกินลงไปแล้วก็จงพาตัวนางมาที่ห้องลับเสีย” จิ้นเสวียนพูด
“ศิษย์น้อมรับคำสั่งขอรับ” จิ้งเหลยเก็บขวดยาไว้ในแขนเสื้อ ก่อนจะหันตัวเดินออกไปจากเรือน
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 28 มี.ค. 65 เวลา 12.00 น.