หลังจากมองดูขาม้าสี่ข้างที่ผอมจนเหลือแต่หนังหุ้มกระดูกของท่านอาชาเทพแล้ว ซูเพียนจื่อก็รีบพูดปนยิ้มประจบ “เป็นข้าเองที่ทำไม่ถูก ไม่ควรเลยที่จะสงสัยในคุณธรรมของม้าผู้สูงส่งอย่างเจ้า”
“ฮึ!”
พอท่านอาชาเทพกล้อมแกล้มรับการขอโทษจากเธอ ซูเพียนจื่อก็หาหินก้อนหนึ่งมารองแล้วเหยียบปีนขึ้นไปบนหลังม้าจนได้
“นั่งให้ดีล่ะ!” จากนั้นท่านอาชาเทพเพียงกระพือปีกขนาดใหญ่ทั้งคู่แล้วเหยียดกีบเท้าทั้งสี่ ร่างก็เหินทะยานขึ้นในทันที ซูเพียนจื่อโอบคอของมันไว้แนบแน่น กระทั่งผ่านไปครู่ใหญ่จนแน่ใจว่าไม่มีอะไรให้หวาดหวั่นแล้ว จิตใจจึงได้ผ่อนคลายขึ้นและเปลี่ยนมาขยุ้มขนแผงคอม้าเอาไว้แทน
ระหว่างที่ปุยเมฆสีขาวหิมะพลิ้วผ่านข้างตัวไป ด้านล่างก็คือเนินเขากับป่าไม้อันเขียวขจีผืนแล้วผืนเล่า รวมไปถึงทะเลสาบหนองบึงที่คล้ายกระจกสีมรกตเลี่ยมฝังอยู่ท่ามกลางทุ่งหญ้ากับป่าเขา แสงแดดอันอบอุ่นฉายอาบอยู่บนร่าง สิ่งที่ได้ยินอยู่ข้างหูคือเสียงลมโกรกดังหวีดหวิว
ซูเพียนจื่อสูดหายใจเข้าลึกๆ เมื่อรู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในห้วงฝัน
แม้เห็นว่าตัวเองเคลื่อนไกลจากจุดเดิมออกไปทุกที แต่น่าแปลกที่ในใจสาวน้อยไม่มีความพรั่นพรึง ตรงข้ามกลับเปี่ยมล้นด้วยความรู้สึกทั้งตื่นเต้นเร้าใจทั้งแปลกใหม่ หากว่านี่คือห้วงฝัน เช่นนั้นก็ให้มันดำเนินต่อไปเถอะ เธอไม่เคยรู้สึกผ่อนคลายและมีอิสรเสรีเช่นนี้มาก่อนเลย!
ท่านอาชาเทพเหาะไปด้วยความเร็วสูง เพียงพริบตาก็เหินข้ามขุนเขาลำน้ำไปนับไม่ถ้วน ก่อนจะร่อนลงที่ข้างทะเลสาบเล็กๆ ตรงก้นหุบเขาแห่งหนึ่งในที่สุด
ซูเพียนจื่อกระโดดลงจากหลังม้าอย่างเบิกบานใจ แล้ววิ่งฉิวไปล้างหน้าล้างตาที่ริมทะเลสาบ ส่วนท่านอาชาเทพก็เดินเนิบนาบตามมาเช่นกัน
น้ำในทะเลสาบใสกระจ่างมีรสหวาน ซูเพียนจื่อจึงอดใจไม่ไหวดื่มติดกันไปหลายอึก ทว่ารอจนเงยหน้ามาพบว่าท่านอาชาเทพก็ก้มหน้าดื่มน้ำอยู่ข้างๆ ไม่ไกลนัก สาวน้อยก็พลันรู้สึกไม่สบายไปทั้งตัว…เธอกำลังนั่งสุมหัวดื่มน้ำจากแหล่งเดียวกับม้าตัวหนึ่งอยู่หรือนี่…แหวะ!
ซูเพียนจื่ออยากจะอาเจียนเอาน้ำที่ดื่มลงไปออกมาเหลือเกิน ในนั้นจะต้องมีน้ำลายของมันปนอยู่ด้วยอย่างแน่นอน!
ท่านอาชาเทพดื่มน้ำจนอิ่มแล้วยังคงรู้สึกไม่หนำใจ จึงเดินตรงลงทะเลสาบไปอาบน้ำด้วยเสียเลย ซูเพียนจื่อมองสารรูปขะมุกขะมอมของมัน ก่อนจะเบนสายตาไปดูน้ำทะเลสาบที่ถูกมันทำจนขุ่นคลั่ก ในที่สุดเธอก็ทนไม่ไหวต้องวิ่งพรวดไปอาเจียนโอ้กอ้ากยกใหญ่ที่หลังก้อนหิน
ดูจากท่าทางชำนาญการของท่านอาชาเทพแล้ว ไม่รู้ว่ามันเคยมาที่นี่กี่รอบต่อกี่รอบ และแวะอาบน้ำด้วยกี่ครั้งกี่หน เมื่อครู่เธอไม่เพียงดื่มน้ำแหล่งเดียวกับม้า หนำซ้ำน้ำที่ดื่มลงไปยังเป็นน้ำอาบของม้าซกมกตัวนี้อีกด้วย!
หลังจากที่ท่านอาชาเทพอาบน้ำเสร็จเดินขึ้นมาสลัดน้ำบนตัวจนแห้งแล้ว มันก็มองเห็นซูเพียนจื่อที่หน้าซีดอมเขียวกำลังนั่งซึมอยู่ตรงข้างหินก้อนใหญ่ ก่อนจะเดินทอดน่องอย่างสบายอารมณ์มาชวนคุย
“เป็นอย่างไร สถานที่นี้ของข้าไม่เลวกระมัง”
“ก็ไม่เลว!” ซูเพียนจื่อเห็นมันแล้วความขุ่นเคืองก็อัดแน่นเต็มท้อง…แต่ถ้าไม่มีเจ้าก่อมลพิษก็จะดียิ่งกว่านี้
“เจ้าบอกข้าได้หรือไม่ว่าตกลงเกิดเรื่องอะไรขึ้น ทั้งที่ตอนแรกข้าอยู่ในสระขอพรของอารามเต๋าแห่งหนึ่ง แต่ต่อมากลับสลบไปโดยไม่รู้สาเหตุ พอฟื้นขึ้นมาอีกที ข้าก็อยู่ที่ดินแดนนี้แล้ว นี่มันเรื่องอะไรกันแน่” สาวน้อยถามเสียงอ่อนล้า