เคราะห์ยังดีที่ในตำหนักไม่มีข้าวของเครื่องใช้ที่เกินจำเป็น อานุภาพและขอบเขตของแรงระเบิดที่มาอย่างกะทันหันนี้ล้วนไม่นับว่ารุนแรงเกินไป ไม่ช้าเพลิงก็ถูกจำกัดควบคุมเอาไว้ได้
ผู้คุมสอบทุ่มสุดแรงซัดหลายฝ่ามือออกไปติดๆ กัน เพลิงจึงถูกสะกดลงไปในที่สุด
เขาโกรธจัดจนใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีม่วง ดวงตาถลึงจ้องซูเพียนจื่อเขม็ง สาวน้อยไม่รอให้เขาปริปากดุด่าก็ชิงพูดสยบก่อน “ท่านบอกว่าขอเพียงข้าจุดเทียนไขหนึ่งร้อยเล่มนี้ในเวลาชั่วหนึ่งอึดใจก็จะได้คะแนนเต็มนี่เจ้าคะ!”
นางพูดพลางชี้มืออย่างกระตือรือร้นไปยังทิศทางที่เกิดการระเบิด เพื่อขอให้ผู้คุมสอบตรวจยืนยันผลสำเร็จ
ผู้คุมสอบจ้องมองตอเทียนไขที่เหลืออยู่ไม่กี่ท่อน กับชั้นวางเทียนไขที่แทบจะไหม้เป็นซาก ในสมองอับจนถ้อยคำไปพักใหญ่
ซูเพียนจื่อจุดเทียนไขทั้งหนึ่งร้อยเล่มภายในเวลาชั่วหนึ่งอึดใจได้แล้วจริงๆ และก็ยังวางเพลิงเผาชั้นวางเทียนไขไปพร้อมกันเสียเลย!
นี่คือการใช้ประโยชน์จากช่องโหว่ของกฎกติกามาโกงสอบอย่างโจ่งแจ้ง!
แต่ว่า…แต่ว่าย่ามันเถอะ! เขาถึงกับไม่อาจหาเหตุผลไปปฏิเสธผลการสอบของนางได้
เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ สามหนเพื่อข่มเพลิงโทสะลงไป จู่ๆ ก็พลันบังเกิดอารมณ์วู่วามอยากจะแหงนหน้าหัวเราะขึ้นฟ้ายิ่งนัก…ย่ามันเถอะ! ยายหนูผู้นี้ช่างน่าสนใจเหลือเกิน! นับแต่สกุลซูตรากฎสำหรับการสอบย่อยชุดนี้ออกมา นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนใช้วิธีการนี้ผ่านด่าน ทำให้ผู้อื่นไม่รู้ควรจะพูดว่านางอย่างไรดี
ท่ามกลางอาการปากอ้าตาค้างของคนทั้งหมด ซูเพียนจื่อผู้คว้าคะแนนเต็มในการสอบย่อยสนามที่สิบหกได้สมดังใจหมายก็นำพาซูเจินเจินที่ยังไม่ได้สติคืนมาเดินส่ายอาดๆ จากไป
ไม่ถึงหนึ่งชั่วยาม วีรกรรมที่ซูเพียนจื่อคว้าคะแนนเต็มในการสอบย่อยด้วยวิธีที่เกินคาดนี้ก็แพร่สะพัดไปทั่วถ้ำพันจิ้งจอก บางคนชมเปาะเลื่อมใสในความเฉลียวฉลาดของนาง แต่บางคนก็เป็นเดือดเป็นแค้นด่าว่านางใช้กลโกง บ่ายวันนั้นผู้คุมสอบทุกสนามต่างก็เห็นพ้องต้องกันที่จะเพิ่มกฎใหม่อีกข้อ นั่นก็คือห้ามใช้สิ่งที่ติดไฟง่ายจำพวกโถดินระเบิดมาช่วยในการจุดไฟอีก
ทว่าเหล่านี้ไม่ได้มีผลข้องเกี่ยวอะไรกับซูเพียนจื่อแล้ว
เมื่อประมุขซูถิงหยวน ผู้อาวุโสใหญ่หาน และผู้อาวุโสรองซูได้รับข่าวต่างก็ตะลึงงันไปครู่หนึ่งอย่างช่วยไม่ได้ พวกเขาล้วนสังหรณ์ใจว่าธรรมเนียมที่ผู้ไร้พรสวรรค์เชิงยุทธ์จะต้องหยุดฝีเท้าอยู่ที่การเป็นศิษย์ระดับต้นนั้นเกรงว่าอาจถูกทำลายลงอย่างสิ้นเชิงโดยซูเพียนจื่อผู้นี้นี่เอง…
พวกเขาถึงขั้นเริ่มเฝ้ารอว่าต่อจากนี้ซูเพียนจื่อจะใช้วิธีพิสดารอะไรมาผ่านการสอบย่อยที่เหลืออีกสี่สนามสุดท้าย
ซูเทียนหวากลับถึงที่พักของตนโดยไม่พูดจาแม้สักคำ เขาขังตนเองอยู่ในห้องไม่ออกจากประตูตลอดหนึ่งวันเต็มๆ
ซูม่านม่านมาเยี่ยมเขาแล้วพูดโน้มน้าวอยู่เป็นนานก็ยังไม่เห็นญาติผู้น้องมีสีหน้ายิ้มแย้มขึ้นสักนิด ในใจนางจึงยิ่งคั่งแค้นซูเพียนจื่อมากกว่าเดิม
“เทียนหวา เจ้าไม่อาจกล้ำกลืนโทสะนี้ลงไปได้ ข้าเองก็เช่นกัน แค่เด็กขยะที่ไร้พรสวรรค์เชิงยุทธ์คนหนึ่งเท่านั้น ข้าจะไปสั่งสอนนางแทนเจ้าเอง!” ซูม่านม่านเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่จงเกลียดจงชังอย่างมาก
นางยิ่งคิดก็ยิ่งกล้ำกลืนโทสะนี้ไม่ได้ ถือสิทธิ์อะไรให้เด็กขยะที่เพิ่งมาใหม่ได้เชิดหน้าชูคออยู่เหนือศีรษะของศิษย์แถวหน้าเช่นพวกตน
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 19 ก.พ. 64