คนผู้นี้ยังเข้าสอบย่อยของศิษย์ระดับต้นไม่ครบยี่สิบสนามเลยไม่ใช่หรือ เขาปะปนเข้ามาได้อย่างไรกัน
นับตั้งแต่ที่ซูเทียนหวาพ่ายแก่ฝีมือซูเพียนจื่ออีกครั้งในการสอบย่อยสนามที่สิบเจ็ด เขาก็ไม่ได้มาร่วมสอบสนามเดียวกับนางอีก ฉะนั้นต่อให้เขาขาดสอบไปเพียงครั้งเดียว ตอนนี้ก็ยังต้องค้างการสอบย่อยสนามที่ยี่สิบอยู่สิ
ซูเทียนหวามีท่าทีเงียบขรึมไม่พูดจาแม้สักคำ เพียงยืนก้มหน้ามองปลายเท้าอยู่ห่างจากซูเพียนจื่อไปไกลลิบ
ส่วนหลี่เฮ่าที่เพิ่งจะเลื่อนเป็นศิษย์ระดับกลางและอยู่กลุ่มเดียวกันด้วยนั้น แม้ท่าทีฝืนทำเป็นเยือกเย็น ทว่าสายตากลับหลบเลี่ยงอยู่ตลอด ไม่ยอมมองซูเพียนจื่อให้มากความ
ซูเพียนจื่อแม้พกพาแผนเอาคืนมาเต็มท้อง ทว่าตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาดำเนินการ ดังนั้นนางจึงเมินหน้าคร้านจะไยดีพวกเขาเช่นกัน
กระนั้นก็ยังอุตส่าห์มีพวกชอบหาเรื่องจะราวีกันให้ได้…
“ขยะอย่างเจ้ามีหน้ามาเอาของวิเศษในคลังสมบัติบนยอดเขาด้วยหรือ ต่อให้เจ้าได้ไปแล้วอย่างไร ขยะที่ไม่อาจฝึกวิชายุทธ์โดยสิ้นเชิงอย่างเจ้ามีปัญญาใช้งานเมื่อไรกัน” เสียงถากถางแดกดันของซูม่านม่านดังขึ้นที่ด้านหน้าไม่ไกลนัก ศิษย์ไม่น้อยที่อยู่ละแวกใกล้เคียงล้วนอดไม่ได้ที่จะมองมา
“แม้แต่ศิษย์ระดับต้นที่ยังสอบเลื่อนขั้นไม่ครบยี่สิบสนามก็ยังมีหน้ามาเลย แล้วเหตุใดข้าจะต้องไม่มาเล่า” ซูเพียนจื่อรุกกลับอย่างเย็นชา
“เจ้า!” ซูม่านม่านระเบิดโทสะ แทบข่มใจไม่ไหวจะลงมือสั่งสอนซูเพียนจื่ออยู่แล้ว แต่พอนึกได้ว่าตอนนี้มีสายตามากมายจับจ้องอยู่ ซ้ำเหล่าผู้อาวุโสก็อยู่ด้านหน้านี่เอง หากตนลงมือไป ผลพวงที่จะตามมาย่อมไม่ใช่เล็กน้อย
“เทียนหวา เจ้าไปอยู่กลุ่มเดียวกับข้า อย่าได้อยู่ร่วมกับขยะพรรค์นี้!” ซูม่านม่านนึกถึงจุดประสงค์ที่ตนเดินมาทางนี้ จึงข่มโทสะเอ่ยกับซูเทียนหวา
รอจนซูเทียนหวาผงกศีรษะรับอย่างแข็งทื่อแล้วเดินตามนางไป ศิษย์บุรุษระดับกลางอีกคนที่ตอนแรกมากับซูม่านม่านก็หน้ามุ่ยก่นด่าเสียงเบาอย่างคับแค้นใส่เงาหลังของคนทั้งสอง “ก็แค่อาศัยว่ามีปู่เป็นผู้อาวุโส ถุย!”
เห็นชัดว่าเดิมทีลำดับของเขาอยู่ในกลุ่มหน้าๆ ร่วมกับศิษย์ระดับกลางคนอื่น ทว่าถูกซูม่านม่านบังคับให้มาสลับตำแหน่งกับซูเทียนหวา
ใครใช้ให้ผู้อื่นมีภูมิหลัง แต่เจ้ามีแค่เงาหลังเท่านั้นเล่า คนอื่นๆ เพียงมองศิษย์ผู้นั้นอย่างสงสารเห็นใจอยู่บ้าง แต่ก็ไม่มีใครคิดจะออกมาพูดผดุงความเป็นธรรมให้
ตอนนี้เองจู่ๆ ก็มีเสียงของบุรุษผู้หนึ่งเอ่ยขึ้นว่า “เจ้าสลับไปอยู่กลุ่มที่ห้าของข้าเถอะ”
เมื่อทุกคนหันหน้าไปมองก็พบว่าผู้พูดถึงกับเป็นซูป๋ออวิ๋นศิษย์สายตรงของผู้อาวุโสใหญ่หาน…คนที่มีคุณสมบัติจะใช้เส้นสายเปลี่ยนไปอยู่กลุ่มลำดับต้นขึ้นมากกว่าซูเทียนหวา!
“ทะ…ท่านกำลังพูดกับข้าหรือ” ซูป๋ออวิ๋นถูกประตูหนีบหัวมาหรือไร ศิษย์บุรุษที่ถูกสลับมาอยู่กลุ่มสุดท้ายผู้นั้นเอ่ยด้วยความตื่นตะลึง
ซูป๋ออวิ๋นผงกศีรษะรับ
“ขอบคุณศิษย์พี่!” ศิษย์บุรุษผู้นั้นทิ้งคำพูดไว้เพียงประโยคเดียวก็รีบวิ่งหน้าตั้งไปยังกลุ่มที่ห้าของซูป๋ออวิ๋นเพราะกลัวอีกฝ่ายจะเปลี่ยนใจ
ขณะที่ซูเพียนจื่อนึกฉงนกับการกระทำอันผิดปกติของซูป๋ออวิ๋น ฝูอวิ๋นก็พลันอ้าปากงับเสื้อของนางพลางดึงตัวนางไปอีกด้าน ท่าทางของมันคล้ายตัดสินใจบางอย่างได้แน่วแน่แล้ว จึงกัดฟันยื่นหน้ามากระซิบเสียงเบาที่ข้างหูนาง “อีกเดี๋ยวพอเข้าไปในคลังสมบัติ ขอเพียงท่านใช้ใจสัมผัสอย่างเชื่อมั่นในตนเอง ท่านก็จะเสาะพบไร้นาม คลายผนึกบนร่าง และย่างเท้าสู่เส้นทางแห่งผู้แข็งแกร่งได้อย่างแน่นอน!”
“อื้ม ขอบใจนะ” ซูเพียนจื่อรู้สึกว่าฝูอวิ๋นมาพูดปลอบใจนางเป็นพิเศษ เพราะกลัวว่านางจะตื่นเต้นเคร่งเครียด นางจึงยื่นมือไปกอดคอมันแล้วตกปากรับคำ
“ท่านต้องจำคำที่ข้าพูดเอาไว้ให้มั่นนะ แล้วก็…อีกเดี๋ยวก่อนเข้าไปท่านปลดจี้ไม้แกะสลักที่คุณชายกับฮูหยินน้อยทิ้งไว้ให้ท่านมาให้ข้าด้วย”
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 22 ก.พ. 64