ซูป๋ออวิ๋นมองไม่เห็นประกายทองที่ปกคลุมอยู่บนมีดสั้น? เป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไรกัน เด่นชัดออกปานนี้ หรือว่าจะมีนางมองเห็นเพียงคนเดียว?
ซูเพียนจื่อกุมมีดสั้นหินแก้วสีม่วงไว้ขณะที่จิตใจจมดิ่งอยู่กับสงครามทางความคิด ตอนนี้เหลือเพียงชั่วเวลาที่สั้นแสนสั้นก็จะครบกำหนดเวลาแล้ว นางจะเลือกมีดสั้นเล่มนี้ที่ไม่ว่ารูปลักษณ์หรืออานุภาพก็ล้วนเหมาะสมจะเป็นไร้นามยิ่งกว่า หรือว่าจะเลือกกำไลแขนทองเหลืองที่ทุกด้านล้วนดูแสนจะธรรมดาสามัญวงนั้น
นางหยิบกำไลแขนทองเหลืองออกมา มือกุมของวิเศษไว้ข้างละหนึ่งชิ้น พลางมองไปทางซูป๋ออวิ๋นด้วยแววตาที่สับสนอยู่บ้าง นางอาจมีโอกาสแค่เพียงครั้งเดียวนี้เท่านั้น!
เสียงระฆังหนึ่งหนดังมาจากส่วนลึกของคลังสมบัติแล้ว นี่คือเสียงเตือนว่าเวลาครึ่งชั่วยามสำหรับเสาะหาของวิเศษกำลังจะสิ้นสุดลง เมื่อเสียงระฆังดังขึ้นเป็นหนที่สาม ทุกคนในคลังสมบัติจะถูกบังคับส่งตัวออกไปทั้งหมด
บนปลายจมูกของซูเพียนจื่อผุดหยาดเหงื่อเล็กๆ ขึ้นหยดแล้วหยดเล่า นางเหลือเวลาที่จะลังเลกับทางเลือกของตนอยู่อีกไม่เท่าไรแล้ว
เหง่ง!
เสียงระฆังหนที่สองดังมา…
มีอยู่ชั่วอึดใจหนึ่งที่ซูเพียนจื่อคิดจะลองเสี่ยงเก็บของวิเศษทั้งสองชิ้นเข้าไปในดอกซวีหมี ดูว่าจะนำออกไปทั้งคู่ได้หรือไม่ ทว่าเมื่อนึกถึงคำเล่าลือต่างๆ ที่ได้ยินก่อนจะเข้ามาเกี่ยวกับอาคมกักกันของคลังสมบัติว่ารุนแรงโหดเหี้ยมมากเพียงใด นางก็ได้แต่เลิกล้มความคิด
ก่อนหน้านี้ผู้ที่สามารถเข้ามาในคลังสมบัติได้ล้วนเป็นมือดีในหมู่มือดีของสกุลซู ไม่มีทางที่พวกเขาจะไม่เคยคิดใช้ ‘ของวิเศษเก็บทรัพย์’ มาลอบเก็บของวิเศษออกไปสักหลายๆ ชิ้น ทว่าเหล่าผู้อาวุโสไม่แม้แต่จะเอ่ยเตือนถึงเรื่องนี้ ยิ่งไม่ได้ตรวจสอบว่านางกับศิษย์คนอื่นๆ พก ‘ของวิเศษเก็บทรัพย์’ เข้ามาด้วยหรือไม่ นี่ก็ยืนยันชัดแล้วว่าวิธีนี้ใช้การไม่ได้
ขืนนางริอ่านดึงดัน ก็มีแต่ทางตายสถานเดียวเป็นแน่
ซูเพียนจื่อขบกรามกรอด ไม่ว่าจะมองอย่างไรมีดสั้นหินแก้วสีม่วงเล่มนี้ก็มีความเป็นไปได้ที่จะเป็นไร้นามมากกว่ากำไลแขนทองเหลือง ทางเลือกอย่างมีสติสัมปชัญญะมากที่สุดคือควรจะวางกำไลแขนลงแล้วเก็บมีดสั้นเอาไว้
ขณะที่นางคิดจะคลายมือซ้ายละทิ้งกำไลแขนทองเหลืองวงนั้น นางก็พลันนึกถึงถ้อยคำที่ฝูอวิ๋นเคยพูดก่อนจะขึ้นเขา… ‘จงใช้ใจสัมผัสอย่างเชื่อมั่นในตนเอง’
สาวน้อยมองกำไลแขนทองเหลืองอีกครั้ง นางจำต้องยอมรับว่าในบรรดาสิ่งของมากมายที่ได้เห็นในคลังสมบัติแห่งนี้ มีเพียงกำไลแขนทองเหลืองที่ทำให้นางรู้สึกได้มากที่สุด มีดสั้นหินแก้วสีม่วงแม้จะดีมากเช่นกัน ทว่ากลับไม่มีความรู้สึกผูกพันอย่างขาดไม่ได้ที่มาจากส่วนลึกของจิตใจ
เหง่ง!
เสียงระฆังหนที่สามดังขึ้นแล้ว ซูเพียนจื่อเพียงรู้สึกว่าใต้ฝ่าเท้าเบาวูบ จากนั้นทั้งตัวก็จมลงสู่ด้านล่าง
ชั่วอึดใจสุดท้าย…ในที่สุดนางก็คลายมือขวาออกอย่างเด็ดเดี่ยว…
แสงสีม่วงฉายวาบขึ้นเบื้องหน้าสายตา ซูเพียนจื่อพบว่าตนกับซูป๋ออวิ๋นรวมทั้งศิษย์ที่ร่วมกลุ่มเดียวกันอีกเจ็ดคนล้วนมายืนอยู่ที่ด้านนอกของศาลารับลมขนาดย่อมหลังเดิมนั้นแล้ว