ท้องฟ้ามืดสลัว ฝนเทกระหน่ำ เงาต้นไม้ภายนอกหน้าต่างไหวเอน เมื่อผสานเข้ากับรสชาติหวานเลี่ยนของชาพุทรา ความเจ็บปวดที่ไม่อาจระบายก็ยิ่งสลักลึกลงในจิตวิญญาณของเถาเม่ยเอ๋อร์ ไม่รู้ว่าหยาดฝนที่ตกลงมาเป็นเวลานานนี้สาดกระเซ็นมาบนโต๊ะตั้งแต่เมื่อใด
ภายในคันฉ่องสำริด คิ้วเรียวยาวบนใบหน้างามขมวดมุ่น หญิงงามที่เต็มไปด้วยเรื่องทุกข์ใจกำลังจมอยู่ในภวังค์
ระหว่างใจลอยนางก็เอื้อมมือไปเพื่อจะหยิบถ้วยชาพุทราอันเย็นชืด ทว่ากลับพบว่ามันไม่อยู่แล้ว
“ผู้ใด!” เสียงใสตวาด แต่กลับถูกผู้ที่มาใหม่ปิดปากเอาไว้
พอรับรู้ได้ถึงกลิ่นอายอันคุ้นเคยจากบุรุษที่อยู่ข้างหลังนางก็ผ่อนคลายลง “เทียนหลิน เลิกเล่นได้แล้ว”
ร่างนางถูกจับหมุนให้หันกลับไป สวีเทียนหลินสวมอาภรณ์รัดกุม ที่ด้านหลังยังสะพายห่อผ้าขนาดใหญ่ กำลังมองสตรีในดวงใจตนเองด้วยแววตาที่เร่าร้อน
“เทียนหลิน เจ้าจะทำอะไรน่ะ”
“ไม่ ไม่ใช่ข้า แต่เป็นพวกเรา” นิ้วข้างหนึ่งของสวีเทียนหลินยังคงวางอยู่บนริมฝีปากนาง แสงเทียนวูบไหวยามราตรีทำให้เงาร่างของทั้งสองทอดลงบนหน้าต่างฉลุลายดอกไม้ หยาดฝนภายนอกยังคงตกกระทบลงบนช่องว่างระหว่างร่องไม้ของหน้าต่าง
นางไม่เข้าใจ ช่วงเวลาเป็นตายที่แทบจะรักษาชีวิตเอาไว้ไม่ได้เช่นนี้ เหตุใดคู่หมั้นของนางจึงยังมีอารมณ์มากล่าวล้อเล่นเช่นนี้อีก
“เม่ยเอ๋อร์ ข้าคิดมานานแล้ว พวกเราไม่อาจนั่งรอความตายเช่นนี้ได้ พวกเราไปด้วยกันเถอะ ไปยังสถานที่ที่ผู้อื่นตามหาไม่พบ อาศัยวิชาแพทย์ของพวกเรา สามีภรรยาร่วมใจ จะต้องไร้กังวลเรื่องปากท้อง ใช้ชีวิตดุจเทพเซียนได้อย่างแน่นอน”
เมื่อได้ยินบุรุษตรงหน้ากล่าววาจานี้ออกมาอย่างง่ายดาย นอกจากความตกใจแล้ว ในใจเถาเม่ยเอ๋อร์ยังเกิดระลอกความหนาวเหน็บขึ้นมา
“เทียนหลิน เจ้าเสียสติไปแล้วหรือ ตอนนี้ท่านป้ายังนอนป่วยอยู่บนเตียงอยู่เลย ไม่รู้ว่าโจรเหล่านั้นจะบุกเข้ามาสังหารคนวางเพลิงอีกเมื่อใด เจ้าเคยคิดหรือไม่ หากพวกเราหนีไป ทั้งคนใกล้ตัวของพวกเรา รวมถึงทุกอย่างของสกุลสวีและสกุลเถาทั้งสองสกุลก็ต้องย่อยยับไปหมดด้วย!”
“เรื่องมาถึงวันนี้ ไม่มีเวลาไปสนใจเรื่องราวมากมายเหล่านั้นแล้ว” สวีเทียนหลินโอบร่างนางพลางกล่าวสะอึกสะอื้น “ข้าไม่อาจอยู่โดยปราศจากเจ้า ข้าไม่อาจมองดูเจ้าถูกโจรแย่งตัวไปกับตา ข้าไม่เชื่อว่าข้าสวีเทียนหลินจะไม่มีวาสนาได้มีการแต่งงานที่งดงามเช่นนี้”
“เทียนหลิน ยามนี้เหนือใต้ประจันหน้ากัน บรรดาอ๋องล้วนแต่รอโอกาสในการก่อกบฏ ราษฎรอาจพลัดถิ่นได้ทุกเมื่อ ยังจะมีสถานที่ใดให้พวกเราตั้งตัวได้อีก”
“พวกเราเดินทางไปเจียงหลิงสิ นับแต่โบราณมาดินแดนจิงฉู่อุดมสมบูรณ์ ผู้คนมากความสามารถ นอกจากนี้ยังมีกองทัพของเซียงตงอ๋องคอยปกป้องอยู่ เมื่อไปถึงที่นั่นจะต้องมีที่ให้พวกเราอย่างแน่นอน”
“ทว่าพวกเราไม่อาจละทิ้งคำสอนของบรรพบุรุษ การทอดทิ้งครอบครัว สำหรับพวกเราแล้วก็คือการทอดทิ้งศักดิ์ศรี ถือเป็นนักโทษของตระกูล”
“ข้าไม่สนใจเรื่องคำสอนหรือศักดิ์ศรีอะไรทั้งนั้น ข้าต้องการแค่เจ้า เม่ยเอ๋อร์!” ลมหายใจของสวีเทียนหลินหนักหน่วง ดูกระวนกระวายผิดปกติถึงขั้นเสียการควบคุมอยู่บ้าง “จัวเหวินจวินกับซือหม่าเซียงหรู สามารถหนีไปด้วยกันได้ กระทั่งกลายเป็นเรื่องเล่าขานอันงดงาม แต่เหตุใดหากพวกเราไปด้วยกันกลับกลายเป็นนักโทษของตระกูลเล่า ข้าไม่ยอม ไม่ยินยอม!”