“เกรงว่าช่างตีเหล็กธรรมดาจะทำของที่ละเอียดเช่นนี้ออกมาไม่ได้” เหยียนตี้หยิบแบบร่างที่ฉินโยวโยววาดเสร็จแล้ววางไว้ข้างๆ ขึ้นมาพลางกล่าว
“แค่ใกล้เคียงก็ใช้ได้แล้ว เดี๋ยวข้าค่อยเอามาเก็บรายละเอียดเพิ่มเติมเอง ท่านช่วยหาคนทำให้ข้าได้หรือไม่” พอเขาเอ่ยปากมา ฉินโยวโยวก็ฉวยโอกาสเรียกร้องตามน้ำ เอ่ยถามด้วยสีหน้าคาดหวังในทันที
“ได้ ไปถึงเมืองจื่อเยี่ยแล้วก็มีช่างฝีมือดีๆ อยู่ถมไป จดหมายนี้จะมอบหมายให้ข้าสั่งคนไปส่งถึงสำนักเฟิ่งเสินแทนเจ้าหรือไม่”
“ไม่ต้องยุ่งยากแล้ว รอต้าจุ่ยตื่น ให้มันไปหาพวกนกพิราบสักตัวไปส่งก็ใช้ได้แล้ว”
เห็นทีนกที่เหมือนอีกาตัวนั้นจะยังมีความสามารถในการควบคุมนกตัวอื่นด้วย เหยียนตี้พยักหน้า เขาหยิบผ้าเช็ดหน้าไหมมาเช็ดหมึกหยดเล็กๆ บนปลายจมูกของฉินโยวโยว
จากความสัมพันธ์ที่มิใช่ทั้งญาติทั้งสหายของคนทั้งสองแล้ว อากัปกิริยานี้ออกจะสนิทสนมเกินไปกระมัง ทว่าเหยียนตี้กลับทำได้อย่างเป็นธรรมชาติเกินไป อีกทั้งสีหน้าท่าทางก็จริงจังเคร่งขรึมเสียเหลือเกิน ฉินโยวโยวตะลึงไปเล็กน้อย ขณะคิดจะปัดป้อง ผู้อื่นก็เก็บมือกลับไปหยิบหนังสือมาอ่านแล้ว
ดูเหมือนข้าจะคิดมากเกินไป? ฉินโยวโยวกะพริบตา กลืนคำประณามติเตียนที่ออกมาถึงปากกลับลงไปอย่างอึดอัดกลัดกลุ้ม จวบจนบัดนี้นางก็ยังแยกได้ไม่ชัดเลยว่าท่าทางบางอย่างของเหยียนตี้นั้นเป็นความไม่ตั้งใจหรือว่ามีเจตนาคิดหาประโยชน์อันใดกันแน่
จากเมืองปาไซ่ไปเมืองจื่อเยี่ยใช้เวลาเดินทางไปหนึ่งเดือนกว่า เหยียนตี้นั่งร่วมรถกับฉินโยวโยวแทบทุกวัน บางครั้งก็ให้นางเดินหมากเป็นเพื่อน บางครั้งก็ต่างคนต่างอ่านหนังสือหรืองีบหลับไปเงียบๆ ฉินโยวโยวจึงเริ่มชินกับการอยู่กับเขาตลอดเวลาโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว
นางถูกอาจารย์พาท่องเที่ยวไปทั่วสารทิศตั้งแต่เล็ก จึงไม่รู้สึกแปลกหน้าแม้แต่น้อยต่อวันเวลาที่มีคนคอยจัดการดูแลทุกเรื่องเช่นนี้ แม้เหยียนตี้จะไม่ได้พูดมากหรือมีอารมณ์ขันเหมือนกับอาจารย์ แต่เขาก็ให้การดูแลนางค่อนข้างดี ในบางด้านถึงขนาดเรียกได้ว่าทำตามทุกความต้องการเลยทีเดียว
ในเวลาหนึ่งปีที่ฉินโยวโยวแยกจากอาจารย์นี้ นางพาสัตว์วิเศษทั้งสองตัวเที่ยวตามหาที่อยู่ของอาจารย์ด้วยตนเองเพียงลำพัง นอนกลางดินกินกลางทรายผ่านความลำบากมาไม่น้อย ต่อมาภายหลังที่ถูกสำนักเฟิ่งเสินตามจับตัวก็ยิ่งไม่ได้สำราญกับชีวิตอันเงียบสงบอิสระว่างงานอีกเลย ยามนี้นางจึงค่อยๆ เกิดความเคยชินที่จะพึ่งพาอาศัยเหยียนตี้ขึ้นมาโดยที่แม้แต่ตนเองก็ไม่ทันสังเกตเห็น กระทั่งเคยชินกับการกระทำที่ใกล้ชิดสนิทสนมเกินไปในบางครั้งของเขาจนเห็นเป็นปกติแล้ว
เรื่องเดียวที่ทำให้ฉินโยวโยวไม่สบายใจก็คือก่อนนอนทุกคืนเหยียนตี้จะให้นางกินยาลูกกลอนที่บอกว่าช่วยทำให้ชีพจรแข็งแรงลงไปหนึ่งเม็ด หลังกินแล้วนอกจากจะหลับสนิทเป็นพิเศษก็ไม่มีอะไรที่ชวนให้รู้สึกไม่สบาย บัดนี้นางไม่อาจรวบรวมลมปราณได้ จึงได้แต่อาศัยความรู้สึกในการตัดสินสภาพร่างกายของตนเอง นางเองก็ไม่แน่ใจว่ายาที่นางกินเป็นยาบำรุงจริงๆ หรือเป็นพวกยาพิษที่ออกฤทธิ์ช้ากันแน่
ทุกครั้งเหยียนตี้ล้วนต้องเห็นนางกินยาลงไปกับตาและแน่ใจว่ายาออกฤทธิ์แล้วเขาถึงจะจากไป นางไม่มีโอกาสแม้แต่จะแอบเก็บยาลูกกลอนไว้ให้ต้าจุ่ยลอบตรวจดูว่าเป็นยาอะไรเสียด้วยซ้ำ
กลางคืนนอนหลับสนิทด้วยฤทธิ์ยา กลางวันก็อยู่ข้างกายเหยียนตี้ นางปลีกตัวไปที่ใดไม่ได้ง่ายๆ เลย หาได้ยากยิ่งกว่าฉินโยวโยวจะสบโอกาสหารือกับต้าจุ่ยและเสี่ยวฮุยได้ แต่ก็ล้วนเดากันไม่ออกว่าเหยียนตี้มีเจตนาอะไรกันแน่ ทำได้เพียงใช้ชีวิตผ่านไปในแต่ละวันด้วยความกระวนกระวาย