9
ตั้งแต่กลับมาจากหอเทียนเซียง ซย่าชิงยวนก็ประหม่าอย่างบอกไม่ถูกมาตลอด ไม่รู้จริงๆ ว่ามือวางอยู่ตรงส่วนใด ยามนี้ลู่หย่วนก้มลงมาถามนาง ซย่าชิงยวนค่อยร้อง “อ๊า…” ขึ้นอย่างความรู้สึกช้า แล้วก็ร้อง “อื้อ…” จากนั้นก็ร้อง “อา…” จากนั้นถึงจะปล่อยมือออก ใบหน้านางแดงจนร้อนลวก ลนลานเอนไปด้านหลัง ทว่านึกไม่ถึงว่าเส้นผมจะบังเอิญเกี่ยวเข้ากับหัวเข็มขัดที่ง้างออกครึ่งหนึ่งของเขาในเวลานี้ นางกรีดร้องอย่างเจ็บปวด แล้วก็ถูกดึงกลับไปซบกับอกเขา
ลู่หย่วนก้มลงมาใช้แขนรัดรอบตัวนางอย่างไม่สบอารมณ์ ออกแรงดึงผมปอยนั้นออก
“เจ็บๆๆ! ท่านเบาๆ หน่อย โอ๊ย!”
“ถ้าเจ้าไม่รีบหนีไปเมื่อครู่ ตอนนี้จะเจ็บเช่นนี้หรือ”
“ถ้าข้าไม่รีบหนี จุดจบจะยิ่งแย่ไปกว่านี้อีก โอ๊ย…ท่านเบาๆ”
“อย่าร้อง จะเสร็จแล้ว”
“ช้าหน่อย! ท่านจะออกแรงเยอะเพียงนั้นไปเพื่ออันใด!”
“แล้วจะให้ทำอย่างไร เจ้าอยากให้ยืดเยื้อไปกว่านี้หรือ”
กว่าจะแกะเส้นผมที่โชคร้ายปอยนั้นออกจากเข็มขัดได้ ทั้งสองค่อยนึกขึ้นได้ทีหลังว่านอกประตูมีคนอยู่และมีอยู่ไม่น้อย แต่มาตอนนี้หญิงงามที่นอกประตูหายวับไปจนหมด อย่างไรเสียเนื้อความในบทสนทนานี้ก็ออกจะ…เร้าใจไปหน่อย
ซย่าชิงยวนเงี่ยหูฟังอยู่ครู่หนึ่ง พบว่าคนข้างนอกได้แยกย้ายไปแล้วจริงๆ นางจึงหันมาหาลู่หย่วนและทำปากพะเยิบพะยาบอย่างอัศจรรย์ระคนดีใจ “ไปกันหมดแล้วหรือ”
ลู่หย่วนเท้าแขนกับโต๊ะราวกับยังไม่อาจเอาชนะฤทธิ์สุรา เสื้อของเขาแบะออกครึ่งหนึ่ง เข็มขัดหลุดลุ่ย ยืนกุมหน้าผากสักพักค่อยส่ายศีรษะ “เจ้าไม่คิดดูล่ะว่าเมื่อครู่เราพูดอะไรไปบ้าง”
เปลวไฟจากเทียนส่งเสียงปะทุ แสงโคมสลัวส่องเค้าโครงหน้าลู่หย่วนให้ชัดเจน ยามมองนางสีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม ไร้ความรู้สึกแต่ก็มีความรู้สึก นางถูกรูปลักษณ์ของเขาสะกดเอาไว้อีกครั้ง ขณะวิญญาณหลุดลอย ค่อยตระหนักได้ว่าบทสนทนาเมื่อครู่ชวนให้ผู้อื่นเข้าใจผิดได้เพียงไร
ซย่าชิงยวนนึกในใจ ช่างเถอะ เรื่องที่พวกเราถูกผู้อื่นเข้าใจผิดไม่ได้มีแค่เรื่องนี้
“ดีเหมือนกัน วันนี้นับว่าข้ามีคุณงามความชอบ ใต้เท้าพักผ่อนเถอะ ข้าขอตัวกลับห้องไปนอนก่อน” นางหาวหวอดเตรียมผละจากไป ลู่หย่วนในวันนี้ดูแปลกไป นางรับมือไม่ถูกเลยจริงๆ
“ไป? ไปที่ใด” เขานั่งลงที่ข้างโต๊ะ พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงเมามาย
“กลับห้องตนเองอย่างไรเล่า” นางเอ่ยอย่างคนใจฝ่อ
เมื่อตอนที่ลู่หย่วนไม่อยู่ นางได้เลือกเรือนสะอาดหลังเล็กในจวนสกุลลู่ไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว อยู่ตัวคนเดียวอย่างสงบเงียบ นางอยากจะใช้ชีวิตอย่างสงบสุข
“ซย่าชิงยวน”
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเรียกชื่อนางอย่างจริงจัง ไม่ได้หยอกเย้า ไม่ได้ซักไซ้ เพียงแต่น้ำเสียงอ้างว้างอย่างยิ่ง ราวกับกำลังเรียกคนอีกคนที่ชื่อซย่าชิงยวน เขามองขึ้นมาที่นาง แววตาซับซ้อน บนบันไดหอเทียนเซียงเขาก็ใช้แววตาเช่นนี้มองนางอยู่ชั่วขณะ
“รินชาให้ข้าที ได้หรือไม่” เขาพิงโต๊ะหนังสือพลางเอ่ยเสียงเบายิ่ง ส่อแววความอ่อนแอให้เห็นอยู่รางๆ
ซย่าชิงยวนทนเห็นคนงามออดอ้อนไม่ได้เป็นที่สุด นางวิ่งอย่างกระฉับกระเฉงไปรินน้ำชามาให้เขาถ้วยหนึ่ง
ลู่หย่วนรับน้ำชาไปดื่มคำหนึ่ง จู่ๆ ก็ยิ้มขึ้นมา “จืดแล้ว”
“ท่านไม่ชอบรสจืดก็อย่าดื่ม” นางกลอกตาอย่างค่อนข้างเอาเรื่อง “ข้าไม่ใช่สาวใช้ของท่านเสียหน่อย”
“เจ้าย่อมไม่ใช่อยู่แล้ว” ลู่หย่วนวางถ้วยชาแล้วยืนขึ้น เดินซวนเซไปที่ข้างเตียง ยามเดินเฉียดไหล่นางมือก็ลากผ่านนางเบาๆ
ระหว่างที่นิ้วเกี่ยวกัน จิตใจของนางแทบจะหวั่นไหวตามการสัมผัสนั้น แต่ลู่หย่วนชักมือกลับเสียก่อน พูดกับตนเองเบาๆ ว่า “เจ้าคือ…ยวนเอ๋อร์ของข้า”
ซย่าชิงยวนใจเต้นดังตึกตัก คนผู้นี้กล่าวคำพูดเหลวไหลอันใดกัน
นางเพิ่งนึกอยากถามเขา แต่ตัวต้นเรื่องก็แผ่ลงไปบนเตียง หลับไปทั้งชุดนั้น