ผิงกั่วสี่ห้าผล ส้มเจ็ดแปดผล นอนนิ่งอยู่ในห่อผ้า
หลังจากหยางหลุนไปแล้ว เติ้งอิงก็นั่งขัดสมาธิอยู่บนเสื่อหญ้าของตน ในห้องคุมขังไม่มีน้ำ เขาจึงเอามือเช็ดกับชุดนักโทษแล้วแกะส้มช้าๆ ส้มยังเขียวอยู่ เปลือกหนาเนื้อน้อย เติ้งอิงแกะออกมากลีบหนึ่งเอาใส่ปาก น้ำรสเปรี้ยวฝาดจากกลีบส้มไหลไปตามคอลงสู่กระเพาะ เขารีบหลับตาแล้วกลืนน้ำรสเปรี้ยวฝาดที่ไหลย้อนออกมาในปากกลับลงไป
แต่เขาไม่ได้วางส้มลง ยังคงหยิบใส่ปากทีละกลีบ แล้วกลืนลงไปจนหมดอย่างเงียบๆ
จากนั้นก็หยิบผิงกั่วขึ้นมาผลหนึ่ง อ้าปากกัดไปคำหนึ่ง
หนึ่งเปรี้ยวหนึ่งหวาน บอกให้รู้เป็นนัยว่า ‘เสมอกัน’
หยางหวั่นใช้ผลไม้ห่อนี้บอกเขาเหมือนไม่ใช่เรื่องหนักหนาอะไรอยู่นอกคุกว่าเขาไม่ได้พ่ายแพ้
เติ้งอิงเอามือที่ถือผิงกั่ววางบนหัวเข่า เคี้ยวเนื้อผลไม้ที่หวานฉ่ำช้าๆ ความเบิกบานใจและความอิ่มท้องที่ได้จากอาหารก็เหมือนกับหยางหวั่นผู้นั้น ทำให้เติ้งอิงจิตใจสงบ หลายปีมานี้เขาไม่ยอมพึ่งพาความรู้ด้านวรรณกรรม ไม่กล้าอยู่ในแวดวงบัณฑิต ไม่อยากจะอาศัยอยู่ในเรือนดีๆ ไม่พร้อมใจจะกินโจ๊กที่ใส่เนื้อสับ ใช้สิ่งเหล่านี้มาตักเตือนตนเองไม่ให้ร่วมทำสิ่งเลวร้ายกับสำนักกิจการฝ่ายใน
แต่เขายินดีจะอยู่กับหยางหวั่น ยินดีจะเชื่อฟังคำพูดของนาง กินของที่ดีต่อร่างกาย นอนห่มผ้าห่มที่อบอุ่น ยามอากาศหนาวเย็นก็สวมเสื้อผ้าให้หนาหน่อย ยืนนานแล้วก็นั่งลงสักครู่…
นางเคยถอดเสื้อผ้าของเขาในห้องของเขา เคยเห็นร่างกายที่ไม่สมบูรณ์เยียบเย็นเสื่อมโทรมของเขา เคยลูบไล้บาดแผลจากการลงทัณฑ์ที่ตัวเขาเองสะอิดสะเอียน
และเพราะเหตุนี้ชีวิตความเป็นอยู่ทั้งหมดของเขาจึงถูกรื้อใหม่ ช่วงวันเวลาแห่งการแตกสลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยซึ่งเขาไม่เคยยอมเปิดเผยต่อหน้าผู้อื่นถูกหยางหวั่นประคองไว้ในมือ นางไม่ได้พยายามที่จะนำสิ่งที่เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยมาประกอบเข้าด้วยกัน นางยังคงให้เขาอยู่อย่างยากไร้ อยู่ในห้องโกโรโกโสเย็นยะเยือก เพียงปกป้องหัวใจที่สิ้นหวังต่อใต้หล้านี้ของเขา และพาตนเองเข้ามาอยู่ในชีวิตความเป็นอยู่ของเขาอย่างเป็นธรรมชาติ
นางคล้ายมองชีวิตของเขาอย่างทะลุปรุโปร่งล่วงหน้าแล้ว กระทั่งสามารถเขียนอายุขัยของเขาและจุดจบได้ในคราเดียว
แต่นางกลับละทิ้งมุมมองที่ยิ่งใหญ่เหล่านี้ เพียงเขียนสิ่งที่เห็นในชีวิตประจำวัน ท่วงทำนองการเขียนสุขุมเยือกเย็นและเปี่ยมไปด้วยความรักอันลึกซึ้ง
เติ้งอิงกินผิงกั่วในมือทีละคำจนหมด ใช้เสื้อนวมพันข้อเท้า ห่มผ้าห่มให้ดีแล้วเอนกายลงนอนตะแคง
เปลวเทียนที่นอกห้องคุมขังบางครั้งจะมีเสียงประกายไฟที่แตกออกมาดังขึ้น เติ้งอิงฟังไปฟังมาก็เริ่มง่วงงุน เขาสอดมือเข้ามาในผ้าห่ม ความอบอุ่นค่อยๆ แผ่มาจากมือเท้าลามไปทั่วทั้งร่าง
ไม่ผิดจากที่คิด เชื่อฟังคำพูดของนาง การใช้ชีวิตก็จะไม่ยากลำบากเพียงนั้นแล้ว
รัชศกเจินหนิงปีที่สิบสี่ วันที่แปดเดือนสิบสอง
แม้หิมะจะไม่ตกหนัก แต่ลมที่แห้งและหนาวเย็นก็พัดเกล็ดหิมะบนพื้นปลิวไปทั่วดุจพายุทราย
เฉินฮว่าพาคนของหน่วยถ่านฟืนไปส่งถ่านที่ตำหนักไท่เหอ พอเดินมาถึงหน้าตำหนักก็เห็นเหล่าขันทีรับใช้กำลังกวาดหิมะอย่างรีบเร่ง
ท้องฟ้ายังไม่สว่างเต็มที่ เหล่าบ่าวรับใช้ในวังที่กำลังทำงานอยู่ในที่ต่างๆ ก็จุดโคมไฟ เครื่องเรือนในตำหนักถูกเปลวเทียนสาดส่องเป็นประกายวิบวับเดี๋ยวมืดเดี๋ยวสว่าง