บทที่ 1.4 นกกระเรียนบาดเจ็บกับดอกฝูหรง
หลังจากเจิ้งเยวี่ยจยาไปแล้วประตูห้องเล็กก็ถูกใส่กุญแจอย่างแน่นหนา ข้างในทิ้งเตาถ่านที่ไฟเริ่มมอดเอาไว้ สะเก็ดไฟแตกปะทุมาถึงข้างเท้าของเติ้งอิง
เติ้งอิงนั่งยองๆ ลงด้านข้างเตาถ่าน ค่อยๆ ถอดรองเท้าถุงเท้าของตนออก นิ่งเงียบอยู่นาน
จางหูจื่อยังไม่มา ไม่รู้ว่าเป็นการจัดการของเจิ้งเยวี่ยจยาหรือไม่ อีกฝ่ายอาจอยากให้เวลาเขามากขึ้น
ถ้าใช่ เช่นนั้นก็ออกจะเกินความจำเป็นไปแล้ว
ถ่านไฟค่อยๆ เผาไหม้จนหมด ในที่สุดเติ้งอิงก็ลุกขึ้นยืน หันกายมานั่งกึ่งคุกเข่าบนเตียงไม้ ใช้นิ้วมือเลิกกระดาษกรุหน้าต่างขึ้นเล็กน้อย
เขาไม่มีจุดประสงค์อื่นใด เพียงอยากจะดูผู้คนหรือสิ่งต่างๆ ที่อยู่ข้างนอกในเวลานี้สักคราหนึ่งเท่านั้น
เมื่อก่อนเขาไม่เคยมีความคิดที่จะพึ่งพาใคร รวมถึงบิดา พี่ชาย และสหายสนิท แต่เวลานี้กลับต้องการสัมผัสมือกับผู้อื่นอย่างประหลาด แม้จะมีชุดนักโทษขวางอยู่ก็ยังดี ถ้าเป็นไปได้คนที่สัมผัสเขาควรมีร่างกายที่อบอุ่นกว่าเขาสักเล็กน้อย
ยามนี้ข้างนอกมีคนอยู่หรือไม่
มีคนอยู่…
หยางหวั่นถือสมุดเล่มเล็กนั่งอยู่บนบันไดหินด้านหลังห้องลงทัณฑ์
บนชายคาหิมะกำลังละลาย บางทีก็ร่วงหล่นลงมาที่ข้างเท้ากองสองกอง
จะบอกว่าทำให้ตกใจก็ไม่ถึงขั้นนั้น แต่เห็นแล้วรู้สึกหนาวเหน็บ นางกอดขาทั้งสองข้างไว้แน่นโดยไม่รู้ตัว วางคางลงบนหัวเข่า เขี่ยมุมขอบสมุดเล่มเล็กอยู่เงียบๆ เปลือกตาหนักอึ้ง แต่กลับไม่รู้สึกง่วง
เมื่อคืนนางนอนอยู่ตรงหน้าเติ้งอิงจึงหลับไม่สนิทนัก
ยามกลางดึกตื่นขึ้นมาก็เห็นเติ้งอิงเงยหน้ามองทัศนียภาพของหิมะที่นอกหน้าต่างคล้ายไม่ได้นอน
ค่ำคืนไร้แสงสว่าง แต่ในดวงตาของเขามีประกายแวววาวราวกับธารน้ำ แม้ตัวเขาจะสวมเสื้อผ้าเนื้อบางยิ่ง ร่างกายก็ดูหนาวจนแข็งทื่อ แต่ในค่ำคืนก่อนจะถูกลงทัณฑ์ยังสามารถนั่งตรงมุมผนังห้องอย่างนิ่งสงบได้กลับทำให้หยางหวั่นรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาบ้าง
เมื่อเข้าสู่สังคม แม้ได้รับบาดเจ็บก็ไม่อิจฉาริษยา
อุปนิสัยความเป็นมนุษย์เช่นนี้ของเติ้งอิงสามารถเยียวยาผู้คนมากมายในศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดได้กว่าครึ่ง
แต่ก่อนเพื่อที่จะทราบว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นก่อนและหลังการลงโทษเติ้งอิง หยางหวั่นแทบจะต้องค้นหาไปทั่วห้องสมุดหลายแห่งในประเทศ แต่ไม่พบเอกสารด้านประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้องซึ่งเชื่อถือได้ แต่กลับมีข้อมูลซับซ้อนมากมายกระจัดกระจายอยู่ในหนังสือรวมข้อมูลส่วนตัวของปัญญาชนในช่วงปลายราชวงศ์หมิงและราชวงศ์ชิง
อย่างเช่นปัญญาชนในสมัยราชวงศ์ชิงที่ไม่ค่อยถูกทำนองคลองธรรมผู้หนึ่งได้กุเรื่องขึ้นในหนังสือรวมข้อมูลส่วนตัวของเขาไว้ท่อนหนึ่งดังนี้