ทดลองอ่าน วาสนาคนเขลา บทที่ห้า-บทที่หก – หน้า 13 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน วาสนาคนเขลา บทที่ห้า-บทที่หก

คฤหาสน์หลังนี้เพิ่งซ่อมแซมใหม่ได้ไม่นาน ดังนั้นในสวนดอกไม้ด้านหลังจึงยังมีทรายกองอยู่จำนวนหนึ่ง เดิมทีจะขนออกไป แต่หลังจากหลี่รั่วอวี๋มาก็เล่นทรายเหล่านั้นจนติด ดังนั้นหลี่รั่วฮุ่ยจึงให้คนงานกองทรายไว้ที่นั่น อย่างไรเสียทรายนุ่มๆ ก็ดีกว่าไปข้ามกำแพงหรือปีนต้นไม้

และตอนนี้สาวน้อยผู้นี้กำลังเปลือยเท้าคู่งามอยู่ใต้แสงแดด แกว่งรองเท้าไม้เบาๆ นั่งหมดสภาพอยู่กลางผืนทรายนุ่มๆ

เจียงหนานมีฝนมาก หญิงสาวท้องถิ่นไม่เหมือนหญิงสาวแถบจงหยวนที่จะหุ้มเท้าแน่นจนเลือดลมไม่ไหลเวียน สะพานหินบนเรือมักจะมีหญิงสาวสวมถุงเท้าผ้ารองเท้าไม้ เดินส่งเสียงต๊อกแต๊กท่ามกลางสายฝนพรำ ให้ความรู้สึกดีไปอีกแบบ หากทันฤดูฝนตกหนัก หญิงสาวทำงานหนักบางคนจะไม่สวมถุงเท้าผ้า สวมแต่รองเท้าไม้ แต่ด้วยเหตุนี้ ขาจะถูกแดดเผาจนดำกร้าน ไม่นุ่มนิ่มน่ามอง

น้องชายที่ชื่นชมความงามมาจนชินพูดอย่างไม่เสียดายว่า ‘ปลากับอุ้งตีนหมีไม่อาจครอบครองได้พร้อมกัน ธรรมเนียมการสวมเกือกไม้แม้จะดี แต่ทำร้ายเท้ามากที่สุด เท้างามของคนงามถูกเสียดสีจนด้านเสียรสชาติในการชื่นชมไปหมด’

แต่ในใจฉู่จิ้งเฟิงกลับสบถเยาะหยันคำพูดนี้ เพราะเท้างามที่สุดที่เขาเคยเห็นมาก็สวมอยู่ในรองเท้าไม้

เขาย่อตัวลง กุมข้อเท้าที่เล่นทรายของสาวน้อยไว้เบาๆ

จำได้ว่าตอนที่ได้พบนางครั้งแรก คนงามในชุดชายหนุ่มสวมชุดยาวสีดำนั่งอยู่ที่หัวเรือ ผมดำขลับสยายไปตามสายลม เท้าน้อยสวมรองเท้าไม้คู่หนึ่งเคาะพื้นเรือเป็นจังหวะ ปลายเท้าคู่นั้นยกขึ้นเล็กน้อย นิ้วเท้างดงามเปลือยอยู่ใต้แสงอาทิตย์ ยกไหสุราเล็กๆ ไหหนึ่งขึ้นดื่มกับคนงานบนเรือที่เพิ่งเสี่ยงอันตรายกลับมาอย่างสนุกสนาน

ทั้งที่เป็นหญิงอ่อนแอ ดูไม่เรียบร้อยแต่ไม่ปล่อยเนื้อปล่อยตัว ท่าทีองอาจงามสง่าแบบนั้นราวกับบัณฑิตเลื่องชื่อตรงไปตรงมาไม่ธรรมดา ทำให้เขาเลื่อนสายตาหนีไม่ได้…

และตอนนี้สาวน้อยที่เคยมีดวงตาสดใส ผิวสีแทนรวมถึงความฉลาดกล้าแกร่งผู้นั้นได้จางหายไป กลายเป็นเหมือนขนมข้าวเหนียวขาวนุ่มก้อนหนึ่ง ที่ปล่อยให้ผู้อื่นเด็ดดมโดยไม่มีการป้องกันเลย…

สิ่งเดียวที่ไม่เคยเปลี่ยน นั่นคือดวงตาโตคู่นั้น ดวงตาโตคู่นั้นที่ไม่เคยมีเงาของเขาอยู่ในนั้นเลย!

คำพูดเมื่อครู่ของคุณหนูใหญ่หลี่ ‘ด้วยนิสัยน้องข้าตอนที่ยังเป็นปกติ คงไม่เหมาะจะแต่งเข้าสกุลสูงศักดิ์’ บีบหัวใจของฉู่จิ้งเฟิงจนเจ็บเหลือเกิน

เขาฟังออกถึงคำพูดที่คุณหนูใหญ่หลี่ยังพูดไม่จบ… น้องรองของนางที่มีอิสระจนชินหากไม่สมองเสื่อม ไม่มีทางเห็นพวกอ๋องโหวอย่างเขาอยู่ในสายตาเด็ดขาด…

พอคิดเช่นนี้ มือของเขาที่กุมข้อเท้าของนางก็ออกแรงบีบ ทำให้สาวน้อยพูดเสียงเบาอย่างไม่พอใจว่า “เจ็บ…”

ฉู่จิ้งเฟิงสงบสติแล้วคลายมือออก สายตามองไปที่กองทรายข้างกายแล้วถามว่า “รั่วอวี๋ทำอะไรอยู่หรือ”

หลี่รั่วอวี๋ก้มหน้าลงไม่มองเขา มือตบๆ กองทรายที่เบื้องหน้า ผ่านไปครู่ใหญ่ ตอนที่ฉู่จิ้งเฟิงคิดว่านางจะไม่ตอบคำถามแล้วนางจึงพูดอย่างอึดอัดว่า “สร้างบ้าน…ให้ท่านแม่อยู่”

ท่านแม่บอกว่าหากนางแต่งงานแล้ว นางก็จะอยู่กับท่านแม่ไม่ได้ สาเหตุคงเพราะห้องไม่พอ หากสร้างบ้าน ท่านแม่ก็ไม่จากไปแล้วใช่หรือไม่

ฉู่จิ้งเฟิงไม่รู้ว่าเหตุใดจู่ๆ นางจึงอยากสร้างบ้าน มองการกระทำที่ดูงุ่มง่ามของนาง หัวใจส่วนที่แข็งกร้าวก็อ่อนลงบ้าง “สร้างบ้านจะยากอะไร ถ้ารั่วอวี๋ชอบ สร้างเมืองให้เจ้าสักเมืองก็ยังได้”

ขณะที่พูด เขาก็เลิกแขนเสื้อขึ้นเผยให้เห็นแขนกำยำ นั่งลงแล้วเริ่มขุดทรายก่อกำแพง

หลี่รั่วอวี๋เบิกตากลมโตมองดูมือใหญ่ของชายหนุ่มพลิกไปมาไม่หยุด ไม่นาน ปราสาททรายขนาดใหญ่ก็ค่อยๆ เป็นรูปร่าง

หลี่รั่วฮุ่ยแม้จะออกไปตรวจของที่โถงด้านหน้า แต่ในใจยังคงไม่วางใจในตัวน้องสาว ทว่าตอนนี้อยู่ในเขตพื้นที่ของเขา หากเขาไม่รักษามารยาท สกุลหลี่จะทำอะไรได้เล่า

การแต่งงานที่ต้องปีนอำนาจวาสนา ล้วนต้องรับความเสี่ยงอย่างมาก ก่อนหน้านี้สกุลหลี่กับสกุลเสิ่นเป็นดองกัน ยังพอนับได้ว่าเหมาะสม อย่างไรเสียสกุลเสิ่นแม้จะมีชื่อเสียงแต่ครอบครัวนั้นก็ต้องการเงินของสกุลหลี่มาคอยเกื้อหนุน

ทว่าสกุลฉู่เป็นถึงครอบครัวอ๋องโหวอันดับหนึ่ง มองดูข้าวของสินสอดตรงหน้า เฉพาะเรื่องเงินก็มีมากกว่าสกุลหลี่ที่เป็นพ่อค้ามาหลายรุ่น ชายหนุ่มที่มีเงินและมีอำนาจ ทำอะไรก็ได้ตามใจ ทั้งสองสกุลแตกต่างกันมาก ตอนน้องสาวเสียเปรียบ ทางบ้านก็ไม่อาจพูดจาสนับสนุนได้แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้น้องสาวมีสภาพเป็นเช่นนี้ ยิ่งทำให้คนรู้สึกหวาดกลัวจริงๆ

เทียบจำนวนอย่างใจลอยไปรอบหนึ่ง แล้วจึงสั่งให้บ่าวไพร่เอาของจำนวนหนึ่งไปวางไว้ที่โถงด้านหน้าและในห้องของหลี่รั่วอวี๋ นางจึงได้เดินเข้าไปในสวนดอกไม้เล็กอย่างไม่รีบไม่ร้อน

ยังไม่ทันเลี้ยวเข้าลานบ้าน นางก็ได้ยินน้องสาวหัวเราะเอิ๊กอ๊าก หลี่รั่วฮุ่ยจึงมองลอดหน้าต่างฉลุบนกำแพง ก็เห็นฉู่จิ้งเฟิงกำลังเล่นทรายอยู่กับหลี่รั่วอวี๋!

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in ทดลองอ่าน

  • ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่าน หอมเกศา บทที่ 84.1-84.2

    By

    บทที่ 84.1 ชายาเป่ยเจิ้นอ๋องมองชุดรัดเอวแขนหลวมทำจากผ้าพลิ้วกรุยกรายลายปักซูซิ่ว บนร่างองค์หญิงอวี๋หยางอีกครา ดูคล้ายกับแบบที่ซูลั่วอวิ๋นสวม...

  • ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่าน หอมเกศา บทที่ 83.1-83.2

    By

    บทที่ 83.1 หานเหยาได้ยินน้องชายพูดขึ้นมา นางก็เอ่ยอย่างลิงโลด “ดี! พี่สะใภ้ ท่านไม่ต้องกลับไปที่หมู่บ้านเฟิ่งเหว่ยแล้ว ที่นั่นวุ่นวายเหลือเก...

  • ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่าน หอมเกศา บทที่ 82.1-82.2

    By

    บทที่ 82.1 ที่แท้จ้าวกุยเป่ยคิดว่าให้สัญญากับหานเหยาไว้ว่าจะมารับลูกอมก็จำเป็นต้องรักษาคำพูดหรือไร หานหลินเฟิงคร้านจะแยแสบุรุษหัวทึบผู้นี้ เ...

  • คืนลมพัดต้องเหมยงาม

    ทดลองอ่าน คืนลมพัดต้องเหมยงาม บทที่ 5-6

    By

    บทที่ 5 ราตรีวุ่น แววตาเสิ่นเฉียนมืดทะมึน กัดริมฝีปาก ปลายคางเกร็งแน่นเผยความแข็งกร้าวอยู่ในที “ที่แท้ถูกเด็ดปีกหมดสิ้นแล้วเนรเทศมาให้ข้านี่...

  • ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่าน หอมเกศา บทที่ 81.1-81.2

    By

    บทที่ 81.1 ฉิวเจิ้นเพ่งตามองดูแล้วก็พบว่าไม่เพียงกำแพงของค่ายเสบียงมีการต่อเติมให้สูงขึ้น ยังขุดคูลึกรอบตัวกำแพงทั้งด้านนอกด้านในเพิ่มอีกสอง...

  • คืนลมพัดต้องเหมยงาม

    ทดลองอ่าน คืนลมพัดต้องเหมยงาม บทที่ 3-4

    By

    บทที่ 3 หงหลวนแต่งงาน ลมราตรีพัดกรู แสงจันทร์สาดส่อง ภายในหอตั้นเสวี่ยของจวนสกุลเซี่ยเวลานี้ เซี่ยจิ่นสองมือไพล่หลัง ฟังน้องชายตัวน้อยเซี่ยซ...

  • คืนลมพัดต้องเหมยงาม

    ทดลองอ่าน คืนลมพัดต้องเหมยงาม บทที่ 1-2

    By

    บทที่ 1 ลมตะวันตกพัดมา สุริยันจมลับประจิม แสงสายัณห์สาดส่องขอบฟ้า เสิ่นเฉียนเปลี่ยนม้าไปตัวหนึ่งแล้วในจุดพักม้า เช่นนี้จึงเร่งมาถึงนอกเมืองห...

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

community.jamsai.com