หลี่รั่วอวี๋ถูขาไปมาทำอะไรไม่ถูก เล็บเท้าที่ทาสีวาดเป็นรอยไปบนผ้าไหมแดง จากนั้นริมฝีปากแดงของนางที่เม้มแน่นก็ถูกเขาครอบครอง แม้แต่ก้อนนุ่มตรงทรวงอกของนางก็กลายเป็นของเขา
หลี่รั่วอวี๋ราวกับปลาที่ขาดน้ำ ดีดตัวสะบัดขาขัดขืนอยู่บนเตียง แต่ทำอย่างไรก็หลุดจากร่างแข็งแกร่งนี้ไม่ได้ นางรู้สึกว่าคนบนร่างนี้ไม่ใช่พี่ฉู่ที่เล่นทรายกับนางในวันนั้นอีกแล้ว แต่เป็นสัตว์ประหลาดที่มีที่มาไม่ชัดเจน เขาพ่นไอร้อนปนกลิ่นสุราจางๆ ไปตามริมฝีปากและซอกคอของนาง ส่วนสองมือแกร่งนั้นก็ลูบคลำนางอย่างไม่เกรงกลัว…
หลี่รั่วอวี๋ร้องครวญอย่างไร้ทางช่วย สุดท้ายเตะผ้าม่านด้านข้างจนแหวกออก แสงวับแวมจากเทียนแดงส่องผ่านเข้ามาทำให้เห็นดวงตาประหลาดของชายหนุ่มคู่นั้น…
นับจากไปหลบฝนที่กระท่อม ในความฝันเห็นดวงตาแดงราวเลือดนั้น หลี่รั่วอวี๋ก็ตกใจตื่นเพราะฝันร้ายต่อกันอยู่หลายวัน ในตอนนี้ด้วยฤทธิ์สุราทำให้สมองที่เดิมก็มีความคิดไม่ค่อยชัดเจนเหลือเพียงความหวาดกลัวที่อยู่ในความฝัน
ในขณะที่ชายตาแดงโน้มตัวลงมาอีกครั้ง จุมพิตรอยแผลเป็นบนสะดือของนางอย่างไม่กลัวเกรง ความหวาดกลัวที่ถูกมีดแทงมาอุดอยู่ที่คอหอยของนาง นางจึงร้องไห้ตะโกนอย่างเจ็บปวดออกมา
เสียงตะโกนสุดเสียงนี้ ในที่สุดก็ทำให้ชายหนุ่มที่จมอยู่ในแรงปรารถนาตกใจได้สติคืนมา ตอนเขาเงยหน้าขึ้นจึงพบว่าใบหน้าของนางราวกับกระดาษขาว นางจ้องตรงมาในดวงตาของเขา ริมฝีปากสั่นเทาที่มีสีชาดหลงเหลืออยู่ดูน่าสงสารยิ่ง
ฉู่จิ้งเฟิงรีบดึงม่านปิดสนิท กำหมัดแน่น พยายามควบคุมเลือดร้อนที่คุกรุ่นในกาย วันนี้ได้อุ้มสาวงามกลับมา กอปรกับดื่มสุราร่วมกับแขกเหรื่อจึงได้ลืมตัวไปชั่วขณะ ลืมไปว่านางในตอนนี้มีความคิดเหมือนเด็ก ต้องใช้ไฟอ่อนตุ๋นช้าๆ เลาะเนื้อกินเข้าท้องทีละนิด เมื่อครู่รีบร้อนเกินไป ท่าทางการเขมือบกินจึงทำให้คนโง่ผู้นี้ตกใจ…
ฉู่จิ้งเฟิงฉายความเสียใจออกมา ถ้าเมื่อครู่มอมสุรามากอีกนิดก็คงดี น่าเสียดายที่เทียนในคืนมงคลนี้ไม่อาจดับมันได้…
ความคิดทุกอย่างในใจเขาสุดท้ายก็พ่ายแพ้ให้แก่เสียงร้องครวญของสาวน้อยผู้นี้
เพราะซือหม่ามีชื่อในเรื่องความเย็นชานิสัยประหลาด แม้จะเป็นวันมงคลคืนแต่งงานก็ไม่มีผู้ใดกล้าหาเรื่องใส่ตัวมาป่วนห้องหอ ดังนั้นเรือนที่ใช้เป็นห้องหอโดยเฉพาะจึงเงียบสงบ เสียงดื่มสุรามีความสุขของแขกเหรื่อเหล่านั้นก็ดังมาไม่ถึงในเรือนนี้
แต่ด้วยความสงบเงียบนี้เสียงร้องสะเปะสะปะของหลี่รั่วอวี๋จึงดังไปทั่วทั้งเรือนในทันที เหล่าบ่าวหญิงอาวุโสและนางกำนัลที่เฝ้าเวรในเรือนต่างมองหน้ากัน แม้จะไม่กล้าพูดอะไร แต่บ่าวหญิงอาวุโสที่อยู่ปรนนิบัติในเรือนชั้นในมานาน สิ่งที่เกิดขึ้นในสมองคือวิธีการของพวกบุรุษชั้นสูงใช้หยอกเย้าทรมานหญิงสาวที่เคยได้ยินได้ฟังมา
เมื่อครู่ตอนพวกนางปรนนิบัติระหว่างดื่มสุรามงคลในงานก็ลอบชำเลืองมอง มองจากรูปลักษณ์ของเจ้าสาว เพราะใบหน้าขนาดเล็ก จึงดูเหมือนสาวน้อยอายุสิบสามสิบสี่ปี ผิวเนียนนุ่มราวกับสามารถรีดน้ำออกมาได้ ดูแววตาไม่รู้จักโลกนั้นแล้ว คงเป็นคุณหนูที่ถูกฟูมฟักไว้อย่างดีในบ้าน
ซือหม่าเอาวิธีการฆ่าคนหักแขนบนสนามรบมาใช้ในห้องหอ ไม่มีความสงสารเจ้าสาวผู้อ่อนแอนี้เลยหรือ ต้องเจ็บถึงเพียงใด จึงได้ร้องจนใจแทบขาดเช่นนี้ออกมาได้
หล่งเซียงที่ติดตามคุณหนูมายิ่งไม่ต้องพูดถึง สองตามีน้ำตาไหลไม่หยุด ร้องอย่างเศร้าใจ “คุณหนูรอง…” หากไม่ใช่บ่าวหญิงอาวุโสข้างกายมือไวคว้าไว้ นางคงบุกเข้าห้องหอไปโดยไม่สนใจอะไรแล้ว
ฉู่จิ้งเฟิงในยามนี้ตัวเหมือนอยู่สมรภูมิแนวหน้า แต่สองหูถูกเสียงปีศาจนี้กระแทกดังอื้ออึง นึกอยากจะบีบคอนางให้ตายขึ้นมา
โชคดีที่เขาเคยได้สัมผัสประสบการณ์จากการคุมตัวนางที่ที่พักรับรอง… หากหลี่รั่วอวี๋อยากร้องไห้ ต้องให้นางร้องไห้สักพัก รอให้ร้องจนหมดแรงแล้ว ค่อยคิดวิธีเบี่ยงเบนความสนใจของนาง