เรื่องน่ายินดีก็คือสวรรค์ช่างเมตตา วันต่อมาเขามีเวลาว่างไปชี้แนะวิชาการต่อสู้ให้พวกเด็กๆ ในตรอกซงเซียง บังเอิญว่าแม่นางผู้นั้นทำโจ๊กหม้อใหญ่ออกมาให้คนในละแวกเพื่อนบ้านได้ลิ้มลองกัน เขาจึงเดินไปหยุดอยู่เบื้องหน้านางได้อย่างถูกต้องเปิดเผย…
“ได้ยินว่าเป็นอาหารให้ลองชิม ข้าขอแม่นางสักชามได้หรือไม่”
เมื่อมองในระยะใกล้ก็พบว่าแม่นางผู้นั้นไม่ใช่ชนชาวฮั่น นางผิวพรรณออกขาว ดวงตาสีอ่อน ผมยาวแซมลูกผมสีอ่อน เหมือนกับหญิงสาวชาวเผ่าที่เขาเคยเห็นตามชายแดนตะวันตกเป็นอย่างยิ่ง เพียงแต่นางร่างเล็กอ้อนแอ้นกว่า รูปร่างผอมบางกว่า ไม่ได้รูปร่างแข็งแรงเหมือนกับหญิงสาวที่ชายแดน
ใบหน้ารูปไข่ดูอ่อนโยน มีคิ้วบางกับดวงตาเป็นประกาย ริมฝีปากและจมูกสวยงดงาม ยามที่นางตักโจ๊กส่งให้เขาตามคำขอ ก็ไม่พูดอะไรเลยสักคำ ก้มหน้าก้มตาราวกับเขาทำให้นางตกใจ
ในที่สุดก็ได้โจ๊กมาหนึ่งชามโดยต่อแถวตามลำดับและถูกต้องตามระเบียบ ในที่สุด…อา…ในที่สุด ก็ได้ลิ้มชิมดังใจหวัง แต่การทำให้นางตกใจไม่ใช่สิ่งที่เขาคาดเอาไว้เลย ใครใช้ให้เขาเกิดมารูปร่างสูงใหญ่กำยำ ช่วงตัวล่ำสันกันเล่า ไหล่ของเขากว้างเกือบเป็นสองเท่าของนาง พอรับชามโจ๊กมาจากนาง แม้ว่าจะระวังแล้ว แต่นิ้วยาวที่มีข้อนิ้วปูดโปนของเขาก็ยังเผลอไปแตะโดนนิ้วมือของนาง เขารู้สึกได้ในทันใดว่านางสั่นสะท้านอย่างรุนแรง เขาเสียมารยาทแล้วจริงๆ
แต่ทว่าทั้งที่รู้ว่าตนเองเสียมารยาท ก็ยังอดใจไม่ได้
เมื่อทราบว่านางคิดจะเปิดร้านขายโจ๊กและเริ่มทำงานในครัวตั้งแต่ฟ้ายังไม่สางทุกวัน ขาของเขาก็เหมือนมีปณิธานเป็นของตนเอง พอถึงเวลาก็จะเดินไปยังบ้านเก่าในเรือนหมู่ เพื่อโจ๊กชามนั้นที่นางทำขึ้นอย่างพิถีพิถัน เพื่อเงาร่างในครัวเล็กของนางที่ทำงานสารพัดอย่างด้วยความเป็นระเบียบ เพื่อความทรงจำอันห่างไกลในใจเขา และเพื่อบรรยากาศอ่อนหวานอันแสนคุ้นเคยแต่ก็เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์
เมื่อแรกเขาไปที่บ้านเก่า เพื่อรอโจ๊กชามแรกที่หญิงสาวทำออกมาในแต่ละวัน และนับแต่นั้นเป็นต้นมา ความเงียบวังเวงและกลิ่นเหม็นคาวที่ติดอยู่ในตา จมูก และหัวใจของเขา ก็ไม่เคยกลับมาอีกเลย
เขาสนใจหญิงสาวผู้นั้นจริงๆ และก็ใส่ใจนางอย่างแท้จริง แต่ไม่ใช่ความรู้สึกระหว่างบุรุษสตรี
นางเลี้ยงดูน้องสาวร่างผอมบางไปพร้อมกับพยายามที่จะมีชีวิตอยู่ต่อ เหมือนที่เขาในวัยเด็กกับมารดาใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน ต้องดูแลอะไรหลายๆ อย่าง มิใช่เพื่อสิ่งอื่นใด แต่เพื่อวาสนาที่หายากนี้
ออกจากเมืองหลวงมาได้เดือนกว่า ขนมแป้งนึ่งพุทราเชื่อมที่เขาเก็บไว้ในอกเดิมมีทั้งหมดห้าชิ้นด้วยกัน แต่เขาอดใจที่จะกินจนหมดในคำเดียวไม่ได้ จนถึงตอนนี้จึงเหลืออยู่เพียงชิ้นเดียว
พลันนึกถึงภาพที่หญิงสาวผู้นั้นให้กำลังใจน้องสาวตัวเองให้นำตะกร้านี้มาส่ง
ความจริงแล้ว การจูงใจด้วยการล่อหลอกเช่นนั้น สร้างความลำบากใจให้กับดรุณีน้อยจริงๆ
ขนมแป้งนึ่งพุทราเชื่อมเป็นของโปรดของเด็กสาว แต่ผู้เป็นพี่สาวกลับบังคับให้น้องสาวแบ่งปัน ดรุณีน้อยจึงทำตาขวาง เครื่องหน้าบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บใจ นั่นก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
แต่พอเขาเห็นดรุณีน้อย ‘ได้รับความไม่เป็นธรรม’ ถูกรังแกจนต้องยอมยกขนมแป้งนึ่งให้ทั้งที่มีสีหน้าไม่เต็มใจ ในใจเขากลับรู้สึกเป็นสุข ต้องใช้เวลาสักพักกว่าจะกลั้นรอยยิ้มที่มุมปากเอาไว้ได้ และแจ้งแก่ใจว่าที่แท้ตนเองก็มีเจตนาไม่ดี ไม่ได้มีนิสัยเถรตรงเลยสักนิด เพราะยังชอบเห็นผู้อื่นถูกรังแกเพราะตน
แล้วเขาก็คิดว่าไม่ดีแล้วจะเป็นไร ช่วยไม่ได้ เขาจะเอาอย่างพี่สาวของดรุณีน้อยก็แล้วกัน กลับไปค่อยหลอกล่อสาวน้อยเสียหน่อย
ริมฝีปากดั่งภูผาที่มีเกล็ดน้ำแข็งเกาะฉีกยิ้มเล็กน้อย เขาหยิบขนมแป้งนึ่งพุทราเชื่อมชิ้นสุดท้ายเข้าปาก เคี้ยวช้าๆ จนได้รสชาติอร่อยข้างในขนมนั้นหวานแต่ไม่เลี่ยน สัมผัสเมื่อเทียบกับตอนเพิ่งทำสดใหม่แตกต่างกันอย่างมาก เปลือกข้างนอกถูกแช่จนแข็ง แต่ว่ารสชาติเข้าไปถึงใจ รู้สึกถึงความอ่อนหวานในหัวใจ
ได้เวลากลับเมืองหลวงแล้ว