ตอนนี้เป็นปลายฤดูใบไม้ผลิต้นฤดูร้อน ผ่านช่วงที่ดอกอวี้หลันผลิบานไปแล้ว ยอดไม้ล้วนมีแต่ใบสีเขียวขจี ยามสายลมราตรีที่เย็นน้อยๆ พัดผ่านสามารถมองเห็นใบไม้สั่นไหวเบาๆ อยู่บนกิ่งได้
ประตูฉลุลายของเรือนหลักยังคงปิดอยู่ ทว่ามองผ่านกระดาษเกาลี่ที่ติดอยู่บนบานประตูเข้าไปจะเห็นได้ว่าข้างในมีแสงไฟสว่างไสวเจิดจ้ายิ่งยวด
ไม่รู้เหมือนกันว่าพวกเขากำลังคุยอะไรอยู่กัน ผ่านไปนานเพียงนี้แล้วก็ยังคงคุยกันไม่จบ
ฮูหยินผู้เฒ่าเจียงยังกำลังคุยเรื่องชุยจี้หลิงอยู่กับเจียงเทียนโย่ว “ตอนแม่อยู่ที่กานโจวก็เคยได้ยินคนพูดว่าในกองทัพหนิงอ๋องมีคนผู้หนึ่งเป็นทั้งที่ปรึกษาและแม่ทัพใหญ่ ไม่เคยพ่ายศึกมาก่อน คงเป็นท่านโหวชุยท่านนี้กระมัง หากกล่าวด้วยความไม่เคารพ ถ้าไม่มีท่านโหวชุยผู้นี้ ไม่แน่ว่าตำแหน่งฮ่องเต้ในยามนี้จะตกมาถึงฝ่าบาทได้ นับแต่โบราณมาเจ้าเคยได้ยินว่ามีท่านอ๋องยกทัพบุกถึงเมืองหลวงจนได้เป็นฮ่องเต้หรือไม่เล่า นี่เป็นครั้งแรกเลยทีเดียว จากที่แม่ดูท่านโหวชุยผู้นี้มีความสามารถครบครัน เจ้าไม่อาจคิดดูถูกเขาในใจเช่นนี้ได้ พึงรู้ว่าตอนนี้เขามีบรรดาศักดิ์สูงกว่าเจ้า ซ้ำยังเป็นถึงผู้บัญชาการมณฑลทหาร เจ้าเป็นเพียงผู้ใต้บังคับบัญชา หากทำให้เขาโมโหเข้าจริงๆ วันหน้ามีหรือจะไม่ลำบาก ต่อไปห้ามเป็นเช่นนี้อีก”
น้ำเสียงของฮูหยินผู้เฒ่าเจียงเข้มงวดยิ่ง เจียงเทียนโย่วได้แต่ตอบรับ
สองแม่ลูกคุยสัพเพเหระกันต่ออีกครู่หนึ่ง เห็นว่าถึงยามสองแล้ว เจียงเทียนโย่วจึงลุกขึ้นขอตัว
ฮูหยินผู้เฒ่าเจียงรู้ว่าพรุ่งนี้เขายังต้องไปเข้าเวรที่กองกำลังรักษาเมืองหลวงอีกจึงไม่รั้งไว้ เพียงบอกให้เถาเยี่ยเปิดประตูออกไปส่งเขา
เถาเยี่ยรับคำเสร็จก็เดินไปเปิดประตูฉลุลาย กำลังจะหันไปเชิญเจียงเทียนโย่วก็มองเห็นเจียงชิงหว่านกับเหยาซื่อเดินออกมาจากเรือนปีกตะวันออก
“ท่านพ่อ” เจียงชิงหว่านยอบตัวคารวะเจียงเทียนโย่ว บนหน้ามีรอยยิ้มพอเหมาะ “ท่านจะกลับแล้วหรือเจ้าคะ”
ครั้นแล้วก็บอกให้สาวใช้ไปจุดโคมมาเพื่อพาเจียงเทียนโย่วไปส่ง “คืนนี้ไม่มีแสงจันทร์ ทางมืดมิด ข้าจะให้คนถือโคมนำทางให้ท่านเองนะเจ้าคะ”
วันนี้พระจันทร์ข้างขึ้น เวลานี้ได้ลับเหลี่ยมเขาไปแล้ว แม้จะมีดาว แต่แสงดาวก็ไม่เพียงพอจะส่องสว่างทางเดิน
เจียงเทียนโย่วเห็นเจียงชิงหว่านเรียกให้สาวใช้ถือโคมนำทางให้เขาอย่างเอาใจใส่เพียงนี้ ก็คิดว่าเมื่อก่อนตนเองนึกถึงบุตรสาวคนนี้น้อยครั้งนัก สายตาที่มองนางจึงอดไม่ได้ที่จะมีแววละอายใจปรากฏขึ้นหลายส่วน
ขณะกำลังจะเอ่ยปากพูด เถาเยี่ยก็ประคองฮูหยินผู้เฒ่าเจียงเดินมา ครั้นมองเห็นเหยาซื่อยังอยู่ ฮูหยินผู้เฒ่าเจียงก็ถามนางว่า “เจ้ายังไม่กลับไปอีกหรือ”
เหยาซื่อเป็นคนพูดไม่เก่ง เจียงชิงหว่านจึงยิ้มพลางตอบ “เมื่อครู่ข้าพาท่านแม่มาคุยด้วย คิดไม่ถึงว่าคุยไปคุยมาเวลาก็ล่วงมาป่านนี้ พอสาวใช้มาบอกข้าว่านายท่านจะกลับแล้ว ข้ามองออกมาข้างนอกถึงได้รู้ว่าเป็นเวลายามสองแล้ว ท้องฟ้ามืดมิด จึงบอกให้สาวใช้จุดโคมมาพาท่านพ่อไปส่งเจ้าค่ะ”
นางชี้แจงเรื่องราวเสร็จในไม่กี่ประโยค
เวลานี้สาวใช้จุดโคมไฟดวงหนึ่งมาแล้ว เจียงชิงหว่านเห็นก็กล่าวว่า “นายหญิงก็จะกลับเหมือนกัน ไฉนไม่จุดมาให้นายหญิงอีกดวงเล่า”
ว่าแล้วก็บอกให้สาวใช้ไปจุดมาเพิ่มอีกดวง