บทที่ 23 พบกันกลางดึก
หลังฮูหยินผู้เฒ่าเจียงกลับจวนมาก็ดีใจยิ่ง
เดิมทีก็ไปด้วยจุดประสงค์ที่จะแอบอิงจวนจิ้งหนิงโหว คิดไม่ถึงว่าสองตระกูลจะเคยรู้จักกันในอดีต ซ้ำกล่าวไปแล้วยังมีไมตรีแน่นแฟ้นมาหลายชั่วคน นี่เป็นเรื่องน่ายินดีที่คาดไม่ถึงโดยแท้
ด้วยเหตุนี้พอเจียงเทียนโย่วกลับมาจากที่ทำงาน นางจึงบอกเรื่องนี้ต่อเขา
“…หากจะกล่าวขึ้นมาจริงๆ สกุลชุยกับสกุลเจียงของเรามีไมตรีต่อกันอย่างลึกซึ้งยาวนานยิ่ง ตอนที่ท่านปู่ของเจ้าเป็นขุนนางในราชสำนัก ใต้เท้าชุยก็เป็นสหายที่สนิทที่สุดเพียงคนเดียวของเขา กล่าวว่ามิตรภาพแน่นแฟ้นยิ่งกว่าชีวิตก็ไม่เกินไป มิเช่นนั้นต่อมาพอใต้เท้าชุยไปล่วงเกินเสนาบดีกรมโยธาเข้า ท่านปู่เจ้าก็คงไม่ก้าวออกมาสู้แล้ว และเป็นเพราะเหตุนี้คนทั้งสองถึงได้ถูกปลดจากตำแหน่งขุนนาง”
เจียงเทียนโย่วได้ยินแล้วก็ตระหนกตกใจยิ่ง
เมื่อก่อนเขาก็เคยได้ยินบิดาผู้ล่วงลับพูดกับฮูหยินผู้เฒ่าเจียง รู้ว่าท่านปู่มีสหายที่สนิทที่สุดอยู่ท่านหนึ่ง แซ่ชุย เป็นผู้ช่วยเสนาบดีกรมโยธา แต่คิดไม่ถึงว่าชุยจี้หลิงจะเป็นทายาทของสกุลชุยนี้
เวลานี้เองฮูหยินผู้เฒ่าเจียงก็เริ่มตำหนิเจียงเทียนโย่ว “เป็นเพราะหลายปีมานี้เจ้าไม่สนิทชิดเชื้อกับท่านโหวชุยนี่แหละ ถ้าสนิทกันเร็วกว่านี้ สองคนเล่าถึงประวัติวงศ์ตระกูล มิใช่ได้รู้ไปนานแล้วหรือว่าพวกเจ้าสองคนนับเป็นพี่น้องกัน ตอนนี้เจ้ามีหรือจะยังเป็นแค่ผู้ช่วยผู้บัญชาการ ดีไม่ดีอาจจะได้เป็นผู้บัญชาการไปแล้ว”
ครั้นแล้วก็ต่อว่าเจียงเทียนโย่วอย่างหนักอีกสองสามคำ
เจียงเทียนโย่วเป็นคนกตัญญู จึงปล่อยให้มารดาพูดโดยไม่ยอกย้อนกลับไปแม้แต่คำเดียว รอนางต่อว่าจบแล้ว เขาถึงยิ้มปะเหลาะพลางกล่าวว่า “วันก่อนท่านแม่บอกให้ลูกไปหาอาจารย์สอนงานเย็บปักมาคนหนึ่ง ลูกจัดการเรียบร้อยแล้วขอรับ”
ฮูหยินผู้เฒ่าเจียงจึงถามว่าเป็นคนเช่นไร ก็ได้ยินเจียงเทียนโย่วตอบว่า “ตอนยังสาวหมัวมัวผู้นี้เป็นช่างปักผ้า ได้ยินว่าผลงานแม้แต่ช่างปักผ้าในวังก็ยังสู้ไม่ได้ ต่อมาอายุมากแล้วจึงผันตัวมาสอนงานปักให้คุณหนูตระกูลใหญ่ ตอนนี้อายุห้าสิบกว่าแล้ว ในบ้านมีบุตรชายและสะใภ้ รวมถึงหลานชายหลานสาวอีกสองคน”
ฮูหยินผู้เฒ่าเจียงพยักหน้า บอกให้เจียงเทียนโย่วตรวจสอบชาติตระกูลของอีกฝ่ายให้แน่ชัดว่าขาวสะอาดหรือไม่ ก่อนจะกล่าวว่า “แม่เองก็ไม่ได้อยากให้พวกนางพี่น้องเย็บปักถักร้อยได้ดีมากมาย วันหน้าคุณหนูของจวนป๋อเราจะต้องได้แต่งงานกับคนที่ฐานะไม่เลวอย่างแน่นอน ในบ้านย่อมจะมีคนทำงานเย็บปักโดยเฉพาะ แต่คุณธรรมสตรีมีสี่ประการอย่างไรก็ต้องทำงานบ้านงานเรือนเป็น”
เจียงเทียนโย่วรับคำ ก่อนจะได้ยินฮูหยินผู้เฒ่าเจียงถามถึงเรื่องไปยื่นป้ายประจำตัวเพื่อขอเข้าเฝ้าเจียงฮุ่ยเฟย เจียงเทียนโย่วจึงตอบว่า “ยังไม่ได้รับการตอบกลับมาเลยขอรับ คิดว่ายังต้องรออีกสักสองวัน”
แม้ฮูหยินผู้เฒ่าเจียงจะอยากพบบุตรสาวเสียเดี๋ยวนี้ แต่ก็รู้ว่าในวังมีกฎระเบียบมาก มีฐานะเป็นสนมชายาของฮ่องเต้ ถึงแม้คนในตระกูลเดิมอยากเข้าวังไปเยี่ยมก็ยังต้องให้ฝ่าบาท ไทเฮา และฮองเฮาพยักหน้าตกลงก่อนถึงจะทำได้ แน่นอนว่าย่อมไม่เร็วถึงเพียงนั้น