เรือนจัดการงานอยู่ทางทิศเหนือของจวนกั๋วกง รวมหน้าหลังแล้วจึงเป็นเรือนคั่นสามแต่ละเรือนจัดแบ่งจนเป็นลานเล็กสามแห่ง แต่ละแห่งมีประตูเชื่อมต่อกัน แม้จะเป็นสถานที่จัดการงานจุกจิกหยุมหยิมประจำวัน แต่ก็มีภูเขาจำลอง หินรูปร่างประหลาด ดอกไม้ต้นหญ้าปิดบังจุดด้อยและเสริมจุดเด่นซึ่งกันและกัน ทางด้านใต้มีประตูใหญ่สองบานกว้างราวสามจั้งเศษ ปกติจะไม่เปิด เพียงเปิดประตูเล็กที่ด้านข้างให้คนเข้าออก
ลงจากเกี้ยว หลวนอวิ๋นชูช้อนตาขึ้นมองไป ภาพที่เห็นคือเรือนสีแดงชาดหลังเล็กสองชั้นหลังคาทรงเซียซานหน้าประตูมีสัตว์หินคู่หนึ่ง สี่ด้านปลูกต้นอิ๋นซิ่ง หวงหยางจื่อเวยไว้จำนวนหนึ่ง ระหว่างนั้นมีโต๊ะหินและม้านั่งหินตั้งอยู่ ตรงใจกลางมีแปลงดอกไม้ทรงรีอยู่แปลงหนึ่ง เรือนหลังเล็กดูโดดเด่นสว่างพร่างพราว ทัศนียภาพดูงดงามไม่เหมือนใคร ถ้าไม่รู้ยังเข้าใจว่าเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจเสียด้วยซ้ำ
พ่อบ้านเฮ่อรออยู่หน้าประตูเรือนหลังเล็กก่อนแล้ว เห็นหลวนอวิ๋นชูลงจากเกี้ยวก็รีบพาทุกคนเข้ามาทำความเคารพ
“คารวะสะใภ้สี่”
“ที่นี่ตกแต่งได้งดงามโดดเด่นยิ่ง” หลวนอวิ๋นชูกวาดตามองไปรอบๆ “ถ้าไม่รู้อยู่ก่อน ข้ายังไม่เชื่อจริงๆ ว่าที่นี่คือสถานที่ทำงาน”
“ไม่เพียงท่านเท่านั้น ไม่ว่าใครมาครั้งแรกก็เป็นต้องพูดเช่นนี้” พ่อบ้านเฮ่อกล่าวยิ้มๆ “เดิมทีที่แห่งนี้เป็นเพียงลานที่โล่งเตียน หลังจากสะใภ้ใหญ่เข้ามารับช่วงงานต่อ เห็นแล้วไม่ชอบใจจึงได้ปรับปรุงขึ้นมาใหม่”
“พี่สะใภ้ใหญ่มาจัดการงานที่นี่บ่อยหรือ”
“ข้างบนเป็นห้องโถงใหญ่ จุคนได้สองร้อยกว่าคน” พ่อบ้านเฮ่อชี้ไปที่เรือนหลังเล็กพลางแนะนำ “สะใภ้ใหญ่มาตรวจการทำงานทุกสามวัน บางครั้งเวลาอื่นๆ ก็มาบ้าง”
“อ้อ…” หลวนอวิ๋นชูพยักหน้า “พี่สะใภ้ใหญ่ก็เหน็ดเหนื่อยไม่น้อย”
พ่อบ้านเฮ่อก็เออออตาม กล่าวยกย่องชมเชยอีกหลายคำ ท้ายสุดก็ชี้ไปยังสตรีที่ยืนกุมมืออยู่ข้างหลังเขามาโดยตลอด
“สะใภ้สี่ นางก็คือหลี่หวา ทุกคนต่างเรียกนางว่าหลี่มามา เป็นบุคคลอันดับหนึ่งอันดับสองในกลุ่มค้าทาส ยามบ้านที่มีเงินมีอำนาจมีหน้ามีตาในเมืองหลวนเฉิงจะซื้อบ่าวไพร่ล้วนต้องเรียกหานาง นางกับจวนเราทำการค้ากันมานาน รู้ธรรมเนียมปฏิบัติในจวนดี คนที่ส่งมาไม่เพียงเชื่อถือไว้ใจได้ ยังอบรมฝึกฝนมาก่อนแล้ว ซื้อมาแล้วก็ใช้งานได้เลย ไม่ต้องให้หมัวมัวมาอบรมฝึกฝนอีก” แล้วหันไปทางหลี่หวา “หลี่มามา นางก็คือสะใภ้สี่”
อบรมฝึกฝนมาก่อนแล้ว?
‘บริการฝึกอบรมฟรีก่อนส่งมอบแรงงาน’ คนโบราณก็มีความคิดที่ล้ำหน้าเช่นนี้ หลี่หวาผู้นี้มีความเฉียบแหลมมากพอ มิน่าจึงสามารถดูแลกิจการได้เป็นอย่างดี เป็นคนค้าทาสที่งอนิ้วนับได้ในเมืองหลวนเฉิง ฟังจากการแนะนำตัวแล้ว หลวนอวิ๋นชูก็มองประเมินหลี่หวาขึ้นๆ ลงๆ หลายครั้ง
นางอายุราวสามสิบ ใบหน้ารูปไข่ห่าน* ดวงตารูปเมล็ดซิ่ง คิ้วรูปจันทร์เสี้ยวคู่หนึ่งตัดเล็มได้อย่างประณีต ริมฝีปากบาง เพียงดูก็รู้ว่าเป็นคนช่างพูด รูปร่างหน้าตาไม่โดดเด่น แต่ผิวหน้ากลับขาวหมดจดยิ่ง ทำให้คนเห็นเพียงแวบเดียวก็จำได้ นางสวมเสื้อสีชมพูลายดอกสดใสงดงาม ทับด้วยเสื้อคลุมตัวยาวสีเขียวอมดำอยู่ด้านนอก ผมเกล้ามวยเป็นทรงก้นหอยคู่ประดับด้วยมุกอัญมณีแวววาว ดูสวยสดงดงามเป็นพิเศษ
“ได้ยินนามอันยิ่งใหญ่ของท่านมานานแล้ว วันนี้นับว่าข้ามีบุญวาสนาได้มาพบเจอ สะใภ้สี่ไม่เพียงแต่งบทกวีได้ดี รูปร่างหน้าตายังงดงามเพียงนี้ ประดุจเทพธิดาบนสรวงสวรรค์” เห็นหลวนอวิ๋นชูมองมา หลี่หวาก็ยิ้มแย้มเบิกบานรับหน้า เอ่ยชมไม่หยุดปาก “หลายวันก่อนข้าไปส่งเด็กสาวที่จวนอัครเสนาบดี ประจวบเหมาะกับหลานชายของสะใภ้ใหญ่ครบร้อยวัน กำลังตกแต่งจัดเตรียมห้องโถงอยู่พอดี ยกฉากบังลมปักลายสองหน้าออกมาฉากหนึ่ง หน้าหนึ่งเป็นภาพดอกโบตั๋นเจริญรุ่งเรือง อีกหน้าหนึ่งเป็นภาพภูเขาแม่น้ำผู้คน ไม่เพียงลวดลายต่างกัน ฝีเข็ม สีสันก็ต่างกัน จุ๊ๆ นั่นจึงจะเรียกว่าลายปักสองหน้าสามแตกต่างที่แท้จริง ตอนแรกเห็นข้ายังเข้าใจว่าเป็นของจากในวัง พอถามดูจึงได้รู้ว่าถึงกับเป็นฝีมือของท่าน ช่างยอดเยี่ยมยิ่งนัก”
ได้ยินเรื่องบัณฑิตหญิงผู้ยอดเยี่ยมแห่งยุคเก่งเรื่องเย็บปักถักร้อยไม่ใช่เพียงแค่ครั้งเดียว แต่หลวนอวิ๋นชูก็ไม่ได้เก็บมาใส่ใจ ถึงอย่างไรเรื่องเหล่านี้ก็มีสาวใช้ทำอยู่แล้ว วันนี้ได้ยินหลี่หวาบอกฝีมือเย็บปักถักร้อยของนางเทียบได้กับของในรั้วในวัง หลวนอวิ๋นชูอดสูดลมหายใจด้วยความหนาวเหน็บไม่ได้