ในตอนนี้เองลุงเฉิงก็เดินนำบ่าวไพร่จากในห้องครัวเข้ามา บ่าวไพร่แต่ละคนประคองกล่องไม้เคลือบเงามาคนละกล่อง ข้างในบรรจุขนมหลากหลายชนิดเอาไว้ เมื่อนับรวมกันแล้วมีมากถึงยี่สิบกว่ากล่อง
“ทางนี้เป็นขนมน้ำค้างหยกที่ท่านนักพรตน้อยโปรดปรานที่สุด ส่วนทางนี้เป็นขนมจากแป้งชนิดอื่นที่ทำขึ้นใหม่ในฤดูใบไม้ผลิเจ้าค่ะ” แม่ครัวยิ้มกว้างเต็มใบหน้า เปิดขนมแต่ละกล่องให้เถิงอวี้อี้มองผ่านตา “คุณหนูลองดูว่าถูกใจท่านหรือไม่”
เถิงอวี้อี้ตรวจดูขนมเหล่านี้อย่างละเอียด ก่อนพยักหน้าอย่างพึงพอใจ “เพิ่มขนมแป้งนุ่มโท่วฮวาฉืออีกสองสามกล่องแล้วกัน ครั้งก่อนท่านนักพรตน้อยมาในจวนยังไม่ได้ทำเลย ครั้งนี้จะได้เชิญพวกเขาลองชิมรสชาติแปลกใหม่พอดี”
ใบหน้าอวบอ้วนของเจวี๋ยเซิ่งกับชี่จื้อแดงก่ำขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ “ให้พวกเราหมดเลยหรือ นี่…นี่จะเยอะเกินไปแล้ว พวกเรากินไม่ไหวหรอก คุณหนูเถิง ลำบากท่านแล้ว”
เถิงอวี้อี้สั่งให้คนยกกล่องขนมไปส่งที่รถม้าของอารามชิงอวิ๋นโดยไม่ปล่อยให้พวกเขาปฏิเสธได้ “อากาศยังนับว่าเย็นสบาย พอเก็บขนมไว้ได้ พวกท่านเอากลับไปเก็บให้ดี ค่อยๆ กิน ไม่ต้องกลัวว่าจะเสียเลย”
ชี่จื้อกับเจวี๋ยเซิ่งกล่าวขอบคุณด้วยสีหน้าเขินอาย พอขยับตัวก็มีพู่กันขนกระต่ายสีม่วงด้ามหนึ่งร่วงหล่นมาจากแขนเสื้อชี่จื้อ ด้ามพู่กันเคลือบเงาเป็นมันวาววับ มองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นของชั้นเลิศ
เถิงอวี้อี้ประหลาดใจเล็กน้อย นางก้มตัวลงช่วยชี่จื้อเก็บพู่กันด้ามนั้นขึ้นมา “นี่เป็นของขวัญวันเกิดที่พวกท่านซื้อให้ศิษย์พี่ที่ร้านขายหมึกพู่กันเมื่อวานกระมัง”
ขนกระต่ายชั้นเลิศเช่นนี้อย่างน้อยก็ต้องราคาสิบพวงเงิน เด็กน้อยสองคนนี้กับตนเองประหยัดมัธยัสถ์ แต่เอาใจใส่ศิษย์พี่ของพวกเขามากทีเดียว
ชี่จื้อรีบตอบว่า “ไม่ใช่หรอก เมื่อวานพอเกิดเรื่องนั้นขึ้นมาพวกเรายังไม่ทันเลือกของขวัญ นี่เป็นของที่คุณหนูสามหลี่มอบให้พวกเราต่างหาก”
เถิงอวี้อี้กับตู้ถิงหลันหันไปสบตากัน “หลี่ไหวกู้?”
เจวี๋ยเซิ่งที่อยู่ข้างๆ จึงเล่าให้ฟังว่า “เมื่อวานคุณหนูคุณชายน้อยกลุ่มนั้นตกใจเสียขวัญแทบแย่ ตอนนั้นท้องฟ้าก็ใกล้มืดแล้ว พวกเราจึงถือโอกาสไปส่งพวกเขาแยกย้ายกลับจวน คุณหนูสามหลี่ผู้นี้จวนอยู่ไกลที่สุด หลังแวะส่งคนมาตลอดทางบนรถม้าก็เหลือเพียงนางผู้เดียวแล้ว คุณหนูสามหลี่คุยเล่นกับพวกเรา บอกว่าหลังเจอผีครั้งหนึ่งที่เขตอวี้ซู่ชวน ตอนกลางคืนก็นอนหลับไม่ค่อยสนิท ถามพวกเราว่ามีวิธีอะไรดีๆ บ้างหรือไม่ ข้ากับชี่จื้อจึงเอายันต์ที่พกติดตัวให้นางไปทั้งหมด คุณหนูสามหลี่ซาบซึ้งใจมาก นางรู้ว่ายันต์ในอารามพวกเราเป็นของล้ำค่า ไม่กล้ารับมาเปล่าๆ จึงนำพู่กันสองด้ามที่ซื้อจากร้านขายหมึกพู่กันบังคับให้พวกเรารับไป พอเห็นพวกเราไม่รับ ก็บอกว่าถือเป็นค่าธูปเทียนแสดงความเคารพสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในอาราม”
เมื่อเล่ามาถึงตรงนี้เจวี๋ยเซิ่งก็เผยรอยยิ้ม “ปกติท่านอาจารย์ตาเป็นคนตระหนี่ถี่เหนียวมาแต่ไหนไร ตั้งกฎเอาไว้นานแล้วว่าหากผู้บริจาคคนใดเป็นฝ่ายมอบค่าธูปเทียนให้เองจะไม่เคยปฏิเสธ พวกเราเห็นคุณหนูหลี่ดูเป็นคนดี ที่สำคัญไม่ใช่ของล้ำค่าอะไรถึงเพียงนั้นจึงรับเอาไว้ แต่ตอนเช้าชี่จื้อกับข้าปรึกษากันแล้ว บอกว่าพู่กันนี้เอามาจุดธูปบูชาไม่ได้ หรือเก็บเอาไว้ใช้ส่วนตัวก็ไม่เหมาะสมทั้งนั้น จึงถือโอกาสที่วันนี้ออกมาข้างนอก ไม่สู้แวะเอาไปคืนดีกว่า หากคุณหนูสามหลี่รู้สึกว่ารับยันต์ของอารามไปแล้วไม่สบายใจ วันหน้ามาจุดธูปไหว้ด้วยตนเองก็พอแล้ว”
ตู้ถิงหลันกล่าว “ที่แท้เป็นเช่นนี้เอง”
เถิงอวี้อี้หลุบสายตาลง จิบน้ำชาคำหนึ่งด้วยท่าทีเรียบเฉย
ยามนี้เองลุงเฉิงก็เดินเข้ามาในห้องโถงบุปผา “คุณหนู คุณหนูรองอู่ให้คนส่งเทียบเชิญมาขอรับ”
“อู่ฉี่?” เถิงอวี้อี้กับตู้ถิงหลันหันไปมองหน้ากัน
ในมือลุงเฉิงมีเทียบเชิญหมึกทองคำทั้งหมดสองใบ เทียบเชิญใบหนึ่งมอบให้เถิงอวี้อี้ เทียบเชิญอีกใบมอบให้ตู้ถิงหลัน
สองสาวพี่น้องเปิดเทียบเชิญอ่านข้อความ ที่แท้หลายวันก่อนดอกท้อในอารามนักพรตหญิงอวี้เจินบานสะพรั่งแล้ว วันนี้อู่ฉี่เชิญพวกนางไปร่วมเดินเล่นรับฤดูใบไม้ผลิและชมดอกไม้ในอาราม
ลุงเฉิงเอ่ยว่า “เมื่อวานคุณหนูเพิ่งออกไป เทียบเชิญนี้ก็ส่งมาถึงพอดี ตอนแรกเมื่อคืนข้าน้อยว่าจะนำมาให้คุณหนู ทว่าคุณหนูคุยกับนายท่านอยู่ในห้องหนังสือจึงเก็บเอาไว้ก่อน”
เถิงอวี้อี้ลังเลเล็กน้อย ตอนกลางวันออกไปชมดอกไม้ไม่มีปัญหาหรอก แต่นางรับปากแล้วว่าวันนี้จะพาเจวี๋ยเซิ่งกับชี่จื้อไปกินอาหารที่หอซานไห่น่ะสิ
ลุงเฉิงเอ่ยเตือนเสียงนุ่มนวลว่า “คุณหนู อู่หรูอวิ๋นบิดาของคุณหนูรองอู่เพิ่งได้เลื่อนขั้นเป็นหัวหน้าผู้ตรวจการ มีอำนาจเสมอมุขมนตรีฝ่ายตรวจสอบ”
เถิงอวี้อี้เข้าใจความหมายของลุงเฉิง อู่หรูอวิ๋นดำรงตำแหน่งเทียบเท่าระดับอัครเสนาบดี บิดาของนางเป็นขุนนางหัวเมืองที่มีบารมีน่าเกรงขามเหนือเขตปกครองแถบหนึ่ง เพื่อมิให้ราชสำนักเกิดความหวาดระแวง สกุลเถิงกับสกุลอู่ที่ผ่านมาไม่เคยคบหาสนิทสนม แต่บุตรหลานสองตระกูลไปมาหาสู่กันบ้างใช่ว่าจะเป็นผลเสียอะไร
ตู้ถิงหลันกล่าวขึ้นมาบ้าง “หลังกลับมาฉางอันเจ้าไม่เคยออกไปผ่อนคลายให้เต็มที่เลย พวกเราสองพี่น้องถือโอกาสนี้ออกไปเที่ยวเล่นก็ดีนะ อย่างมากเพียงปลีกตัวกลับมาเร็วสักหน่อย”
เถิงอวี้อี้มองหน้าเจวี๋ยเซิ่งกับชี่จื้อ ในใจยังคงรู้สึกลังเล