ฉยงเหนียงกะพริบตามองหลิ่วผิงชวนด้วยท่าทีที่ดูตื่นตระหนก ทั้งที่จริงในใจอยากจะตบหน้าคุณหนูหลิ่วผู้นี้อีกสักฉาดเหลือเกิน
ดูเอาเถอะ วาจานี้ช่างพูดได้ดียิ่งนัก ฟังเผินๆ ก็เหมือนเหยาซื่อทำทุกวิถีทางเพื่อจะช่วยวางแผนอนาคตแทนนางจริงๆ
ผู้สูงศักดิ์ที่หล่อเหลาหนุ่มแน่นยากจะพบพานในรอบร้อยปีอะไรนั่น น่าจะเป็นหลางอ๋องฉู่เสียที่หลิ่วผิงชวนไปเข้าหาในชาติก่อนเสียมากกว่า เห็นชัดว่าหลิ่วผิงชวนคิดจะเสี้ยมสอนให้ผู้อื่นแสดงบทบาทเก่าของตนเองที่แอบหนีบิดามารดาออกจากบ้านไปขายตัวแลกเกียรติยศฉากนั้นอีกรอบ
ทว่าหากเปลี่ยนเป็นฉยงเหนียง เหยาซื่อก็คงจะไม่ทุ่มเงินก้อนใหญ่ไปช่วยไถ่อิสรภาพแทนลูกเลี้ยงอย่างนางกระมัง เช่นนั้นนางจะไม่อเนจอนาถยิ่งกว่าหลิ่วผิงชวนในชาติก่อนหรือไร
อีกอย่างฉู่เสียผู้นั้นชาติก่อนนางเองก็เคยได้พานพบ หากไม่ได้ยินพฤติกรรมของเขามาก่อน อีกฝ่ายก็นับเป็นบุรุษรูปงามที่หาได้ยากจริงๆ น่าเสียดายที่เขาลงเอยไม่ดีนัก คู่ควรจะใช้คำว่า ‘ผู้สูงศักดิ์’ เสียเมื่อไร นับดูแล้วช่วงที่พบเห็นเขาบ่อยที่สุดในชาติก่อน น่าจะเป็นช่วงที่เขาก่อกบฏล้มเหลว ยังไม่ทันเปิดฉากก็ถูกจยาคังตี้จับกักบริเวณในวัดเนี่ยนฝ่าบนเขาหวงซานที่ชานเมืองก่อนแล้ว นับแต่นั้นทุกวันที่หนึ่งและสิบห้าของเดือน พยัคฆ์ร้ายที่ถูกถอนเขี้ยวแล้วผู้นี้ก็ยังได้รับพระเมตตาให้มาเผยโฉมต่อหน้าผู้คนในงานเลี้ยง
ตอนนั้นจะว่าไปก็แปลกยิ่ง ทุกครั้งที่นางออกจากจวนไปร่วมงานเลี้ยงมักจะเห็นเขาในงานด้วย โจรกบฏที่ก่อการล้มเหลวผู้หนึ่งไม่ว่าไปตรงที่ใดก็ไม่เป็นที่ต้อนรับ ดังนั้นทุกครั้งที่เห็นเขายืนโดดเดี่ยวอยู่ในงานไม่มีใครไยดี นางจะรู้สึกกระอักกระอ่วนแทนเขาเสียด้วยซ้ำ ทว่าเขากลับมีท่าทีโอหังและดูผ่อนคลายสบายใจเสมอ…
เพียงนึกถึงคนผู้นั้น กระทั่งข้ามมาอีกหนึ่งชาติภพแล้วฉยงเหนียงก็ยังรู้สึกปวดหัว นางจึงเลิกคิดต่อ
หลิ่วผิงชวนมาเยือนเร็วแล้วจากไปดุจสายลมหอบ ชั่วพริบตาลานเรือนอันคับแคบก็หวนคืนสู่ความสงบเงียบเช่นกาลก่อน คงเหลือเพียงหลิวซื่อที่ออกไปส่งตรงเชิงสะพานและยืนมองรถม้าค่อยๆ ลับหายไปตรงมุมถนนอย่างห่อเหี่ยว
ฉยงเหนียงเข้าอกเข้าใจจิตใจของหลิวซื่อได้ ถึงอย่างไรนั่นก็เป็นลูกที่เลี้ยงดูมาจนโตกับมือ หลิวซื่อไม่เหมือนเหยาซื่อที่สะบัดมือทิ้งลูกให้สาวใช้กับแม่นม ความรู้สึกที่มารดาทั้งสองคนมีต่อบุตรสาวย่อมจะลึกซึ้งแตกต่างกัน ไม่ว่าอย่างไรหลิวซื่อก็มิอาจเป็นเช่นเหยาซื่อที่พอรู้ว่านางไม่ใช่ลูกแท้ๆ ก็เย็นชาไม่เหลือหัวจิตหัวใจของมารดาผู้การุณย์อีก
ฉยงเหนียงวางกล่องไม้หุ้มแพรใบนั้นไว้อีกด้าน ตักน้ำสำหรับล้างหน้ามาให้บิดามารดาก่อนยิ้มถาม “เดิมทีนึกว่าจะเร่งมือทำกับข้าวเสร็จได้ก่อนที่ท่านพ่อท่านแม่จะกลับมาเสียอีก มือไม้ลูกยังคงช้าเกินไป ว่าแต่เหตุใดวันนี้พวกท่านถึงกลับมาได้เร็วเช่นนี้เล่าเจ้าคะ”
พอได้ยินคำถามนี้ ชุยฉวนเป่าก็ตอบอย่างคักคึกตื่นเต้น “ก็เพราะฝีมืออันยอดเยี่ยมจากปลายพู่กันของเจ้าอย่างไรเล่า มีผู้มาสอบขุนนางคนหนึ่งเดินผ่านข้างแผงของพวกเรา พอเห็นขนมที่เจ้าวาดก็พูดตรงๆ เลยว่าเป็นผลงานอัศจรรย์ ทั้งเรียกสหายมาล้อมชมด้วย สุดท้ายมีคุณชายที่ดูมีฐานะหลายคนพูดว่าขนมนี้ไม่อาจแยกขาย จึงเหมาซื้อขนมไปทั้งหมดเลย”