บทที่ 7
ห้องเก็บของไม่มีผู้ใดมาทำความสะอาดนานแล้ว พอผลักประตูฉลุลายเปิดออกกลิ่นราอับชื้นก็โชยมาปะทะหน้า
ไฉ่เวยพูดขึ้นว่า “คุณหนูไปยืนรอในลานเรือนสักครู่ก่อนนะเจ้าคะ รอพวกบ่าวเข้าไปเปิดหน้าต่างระบายอากาศแล้ว ท่านค่อยเข้ามา”
เสิ่นหยวนพยักหน้า ไปยืนรออยู่ในลานเรือนกับฉางหมัวมัว
สิบกว่าวันนี้ฉางหมัวมัวเมาเรือมาตลอด วันนี้หลังกลับมาก็ยังไม่ได้พัก คอยอยู่เป็นเพื่อนนางที่ห้องหนังสือส่วนหน้าของบิดา ยามนี้เสิ่นหยวนเห็นฉางหมัวมัวมีสีหน้าอ่อนเพลียแล้วจึงกล่าวกับอีกฝ่ายอย่างรู้สึกผิด “ลำบากหมัวมัวแล้ว ตอนนี้ท่านรีบไปพักผ่อนเถอะ”
ฉางหมัวมัวกลับส่ายหน้า “บ่าวไม่เหนื่อย จะอยู่เป็นเพื่อนคุณหนูอีกสักครู่เจ้าค่ะ”
เสิ่นหยวนซึ้งใจ ครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนจะกล่าวว่า “อีกสองสามวันข้าจะให้คนไปที่ดินเพื่อรับบุตรสาวและบุตรเขยท่านมาพบหน้าท่าน ได้ยินว่าท่านยังมีหลานชายอีกคน ปีนี้อายุสิบสองแล้วใช่หรือไม่ ถึงตอนนั้นจะรับมาพบท่านด้วยแล้วกัน”
ฉางหมัวมัวได้ยินเสิ่นหยวนเอ่ยถึงเรื่องนี้ ในใจก็ยินดีขึ้นมา กล่าวยิ้มๆ ว่า “ใช่แล้วเจ้าค่ะ หลานชายคนนั้นของบ่าวจะว่าไปตอนนี้ก็อายุสิบสองแล้ว แต่บ่าวกลับเคยพบหน้าเขาครั้งเดียวตอนเขาครบหนึ่งขวบ”
“วันหน้าก็ดีแล้ว ทุกคนอยู่ใกล้กัน หากท่านอยากพบพวกเขา ท่านก็บอกข้า ข้าจะให้คนไปส่งท่านทันที” กระนั้นเสิ่นหยวนยังคงมีความเห็นแก่ตัว “หมัวมัว มีเรื่องหนึ่งที่ข้าต้องปรึกษากับท่านสักหน่อย”
“คุณหนูกล่าวอะไรเช่นนี้” ฉางหมัวมัวรีบพูด “ท่านมีเรื่องอะไรก็สั่งมาได้เลย บ่าวจะทำตามทุกอย่างเจ้าค่ะ”
เสิ่นหยวนยื่นมือไปกุมมืออีกฝ่ายไว้ มองนางพลางพูดช้าๆ “หมัวมัว ท่านรู้ใช่หรือไม่ว่าข้ามีน้องสาวร่วมอุทรอยู่คนหนึ่ง ทว่าน้องสาวคนนี้ของข้ามีนิสัยเย่อหยิ่งจองหอง ฝีมือเย็บปักถักร้อยไม่ดี คนข้างกายนางก็มีทั้งดีชั่วปะปนกัน อาจจะมีผู้ที่เจตนาไม่ดีจงใจสั่งสอนให้นางเสียคน ความต้องการของข้าคืออีกสองสามวันพอเรียนท่านพ่อแล้ว ก็คิดจะให้หมัวมัวไปสอนน้องสาวคนนี้ของข้าเย็บปัก พร้อมกันนั้นก็ให้ท่านคอยดูนางไปด้วย มีท่านอยู่ข้างกายน้องสาวข้า ข้าจะได้วางใจ”
นางคิดเรื่องนี้ตั้งแต่ตอนอยู่ฉางโจวแล้ว ถึงได้ไปขอท่านตาให้ฉางหมัวมัวตามนางกลับเมืองหลวงด้วยกัน
เซวียอี๋เหนียงดูแลเรือนส่วนในของจวนสกุลเสิ่นมาเกือบปี คาดว่าคนจำนวนมากในจวนสกุลเสิ่นนี้ล้วนเชื่อฟังคำสั่งของอีกฝ่ายและจะต้องมีหูตาอยู่จำนวนมากแน่ ขณะที่นางนั้นเพิ่งกลับมา ข้างกายยังต้องการคนที่ไว้ใจได้
ฉางหมัวมัวย่อมไม่มีอะไรให้ไม่เต็มใจต่อเรื่องนี้ มิหนำซ้ำนางยังกล่าวอย่างสะท้อนใจด้วยว่า “ความเหนื่อยยากลำบากใจนี้ของคุณหนู หวังว่าคุณหนูสามจะเข้าใจ”
เสิ่นหยวนยิ้มโดยไม่พูดอะไร ด้วยรู้ว่าเสิ่นเซียงไม่ชอบนางมาแต่ไหนแต่ไร อยากจะเปลี่ยนแปลงท่าทีที่เสิ่นเซียงมีต่อนางไหนเลยจะง่ายเพียงนั้น ทว่าอย่างไรก็ต้องลองพยายามดูอย่างสุดความสามารถ
เวลานี้ก็เห็นไฉ่เวยเดินมาแล้วกล่าวว่า “คุณหนู กลิ่นในห้องหายไปหมดแล้ว เชิญท่านเข้าไปได้เจ้าค่ะ”
เสิ่นหยวนจึงเดินเข้าไปในห้องกับฉางหมัวมัว
ในห้องมีโคมจุดอยู่หลายดวง ส่องสว่างไปทุกมุม จึงมองเห็นว่าด้านในมีหีบตั้งอยู่จำนวนมาก ยังมีพวกโต๊ะเก้าอี้และฉากบังลมอยู่อีก ทว่าล้วนแต่มีฝุ่นจับ ดูท่าหนึ่งปีกว่ามานี้คงไม่มีคนมาทำความสะอาดเลย
เสิ่นหยวนให้ชิงเหอและชิงจู๋เปิดหีบและตู้เหล่านั้น ข้างในล้วนแต่เป็นพวกภาพวาดภาพอักษร เครื่องกระเบื้องเคลือบ แพรพรรณ เครื่องหนัง รวมทั้งอัญมณีต่างๆ
นางไม่รู้เลยว่าตนเองจะมีของดีมากเพียงนี้ อีกทั้งคนโลภมากอย่างเซวียอี๋เหนียง ตลอดเวลาที่นางจากไป ฝ่ายนั้นถึงกับไม่เคยหมายตาของเหล่านี้ของนาง?
เสิ่นหยวนยังไม่ไปคิดเรื่องเหล่านี้ เพียงให้ไฉ่เวยหยิบพวกแจกันกระเบื้องสีเรียบและเครื่องทองสำริดหนาหนักจำนวนหนึ่งไปเปลี่ยนกับของตกแต่งที่มีประกายทองระยิบระยับภายในห้อง ก่อนจะให้ชิงเหอและชิงจู๋หยิบม่านหน้าต่างสีหยกจากในตู้ไปเปลี่ยนแทนม่านหน้าต่างสีชมพูดอกท้อในห้องตอนนี้ ส่วนม่านเตียงก็ใช้ม่านไหมสีม่วงอมน้ำเงินอ่อน ดูเรียบสะอาดตา
อีกทั้งให้ชิงเหอไปเรียกหญิงรับใช้สูงวัยกับสาวใช้ใช้แรงงานเข้ามาช่วยกันเปลี่ยนม่าน