หลายวันมานี้ไม่ค่อยได้พบท่านราชครูเลยแม้แต่ในเวลากลางวัน เนี่ยชิงหลินจึงอดรู้สึกแปลกใจอยู่สักหน่อยไม่ได้ นางเอ่ยถามหยวนกงกง ก่อนได้รับคำตอบกลับมาว่า ‘ดูเหมือนจะมีคนมาที่จวนของท่านราชครู น่าจะยุ่งอยู่กับการต้อนรับแขกเหรื่ออยู่กระมังพ่ะย่ะค่ะ’
วันเกิดของราชครูเว่ยตรงกับวันสุดท้ายของฤดูใบไม้ร่วงและกำลังเข้าสู่ฤดูหนาวอันหนาวเหน็บ เช้านี้พอตื่นขึ้นมาก็สัมผัสได้ถึงความเย็นจากนอกหน้าต่างที่ลอดเข้ามา องค์หญิงหย่งอันนอนขดตัวในผ้าห่มอุ่นๆ บนเตียงอย่างเกียจคร้านอยู่เกือบครึ่งค่อนวันถึงได้ลุกขึ้นมาแต่งตัวโดยมีซั่นหมัวมัวคอยปรนนิบัติดูแลอยู่ไม่ห่าง เสื้อคลุมตัวบางได้ผ่านการรีดด้วยเตารีดขนาดเล็กไว้ล่วงหน้าแล้ว เมื่อสวมใส่จึงทำให้รู้สึกอุ่นสบาย วันนี้ควรสวมชุดใดดีนะ
องค์หญิงหย่งอันใช้เวลาเลือกชุดอยู่เป็นนานสองนาน ในที่สุดก็ตัดสินใจเลือกชุดกระโปรงลายผีเสื้อคู่ทอด้ายสีทอง เวลาเดินชายกระโปรงที่อยู่ด้านหลังก็จะพลิ้วไหวเหมือนระลอกคลื่นซึ่งงดงามจับตาน่าหลงใหลอย่างยิ่ง!
ต่อมาก็เป็นช่วงเวลาอันแสนเพลิดเพลินขององค์หญิงหย่งอันในการเกล้ามวยผมและประทินโฉมหน้าคันฉ่อง ผงดอกไม้อัดแท่งที่ผัดลงบนผิวหน้าทีละชั้นทำให้ใบหน้าที่เดิมทีขาวผ่องอมชมพูอยู่ก่อนแล้วยิ่งดูกระจ่างใสราวกับไข่มุกขึ้นไปอีก จากนั้นก็ปัดแก้มด้วยผงชาด แล้วแต้มน้ำมันชโลมผมเนื้อข้นสีชมพู จากนั้นก็จัดแต่งทรงผมตามแบบฉบับสตรีในวัง เพียงเท่านี้ความเปล่งปลั่งงดงามก็ปรากฏอยู่ในคันฉ่องแล้ว
หลังจากประทินโฉมเกล้าผมเรียบร้อยแล้วก็ทำกิจวัตรประจำวันที่คุ้นเคยเช่นทุกวัน เริ่มต้นอาหารเช้าด้วยแป้งไข่ม้วนใส่ถั่วแดงมะพร้าวที่หวานเลี่ยนจนแทบอ้าปากไม่ขึ้น ส่วนน้ำแกงเป็ดตุ๋นโสมอวี้จู๋ ในอาหารกลางวันทำให้อุ่นสบายท้องยิ่งนัก พอตกบ่ายก็อ่านหนังสือนิยายไปครึ่งเล่มอย่างเพลิดเพลิน เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ พร้อมกับแสงอาทิตย์ยามบ่ายที่เคลื่อนคล้อยออกไปโดยไม่รู้ตัว
กระทั่งดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าแล้วก็ยังไม่เห็นเงาร่างสูงใหญ่ปรากฏขึ้นที่หน้าประตูตำหนักเลย
“องค์หญิงเพคะ ข้างนอกอากาศหนาวเย็นเกินไปแล้ว หากองค์หญิงทรงรู้สึกว่าในห้องอากาศอุดอู้ไปหน่อย หม่อมฉันจะเปิดหน้าต่างแง้มไว้ให้ แต่องค์หญิงจะประทับนั่งตากลมเย็นๆ เช่นนี้ไม่ได้นะเพคะ!”
ซั่นหมัวมัวมองดูองค์หญิงที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ไผ่ในอุทยานของตำหนักแล้วเอ่ยขึ้นด้วยความเป็นห่วง
เนี่ยชิงหลินกอดเจ้าแมวขนปุกปุยนุ่มนิ่มน่ารักไว้ในอ้อมแขนแน่นขึ้นเล็กน้อย ขนตางามงอนหลุบลงมาครึ่งหนึ่ง สั่นระริกเบาๆ “หลังอาหารเย็นรู้สึกท้องอืดอยู่เล็กน้อย เลยมาเดินเล่นนั่งเล่นในสวนสักหน่อยให้พอสบายตัวขึ้นบ้าง ซั่นหมัวมัวช่วยจัดที่นอนให้ข้าที วันนี้รู้สึกเพลียๆ อยากเข้านอนเร็วสักหน่อย”
เนี่ยชิงหลินซึ่งนอนซุกตัวอยู่ในผ้าห่มผ้าอันอบอุ่นจู่ๆ ก็รู้สึกว่าวันนี้เกิดอะไรขึ้นกับนางนะ ช่างน่าขันเสียจริง ถึงกับเก็บเอาคำพูดล้อเล่นของราชครูเว่ยที่ว่าจะมาฉลองวันเกิดด้วยกันมาถือเป็นจริงเป็นจังไปเสียได้ ต่อให้ท่านราชครูบอกว่าจะไม่จัดงานเลี้ยงวันเกิด แต่สหายสนิทมาเยือนถึงจวนก็คงไม่อาจปฏิเสธได้ทุกคนไป คงปลีกตัวออกมาไม่ได้ง่ายๆ หรอก คนที่ดำรงตำแหน่งสูง มีผู้คนไปมาหาสู่ด้วยบ่อยครั้งหาใช่เรื่องที่สตรีที่อยู่แต่ในตำหนักในคนหนึ่งจะพึงจินตนาการได้ อย่าว่าแต่แขกเหรื่อที่มาเยี่ยมเยือนเลย เขาย่อมอยากใช้เวลาอยู่กับญาติๆ ในครอบครัวเป็นธรรมดา อีกทั้ง…เขายังมีอนุตั้งมากมายถึงเพียงนั้น คนเป็นสามีจะปฏิเสธคำขอของอนุที่อยากมอบความรักความปรารถนาดีให้ในวันเกิดได้อย่างไรกันเล่า
ก่อนหน้านี้นางรู้สึกอยู่ร่ำไปว่าการที่มารดาเฝ้ารอคอยเสด็จพ่ออย่างโดดเดี่ยวในลานตำหนักอยู่เป็นนานท่ามกลางค่ำคืนอันเงียบเหงานั้นช่างเป็นเรื่องที่โง่เขลาสิ้นดี แต่พอมาถึงตอนนี้นางก็ไม่แตกต่างกันเลย…
ที่แท้ก็แสนเจ็บปวดทรมานถึงเพียงนี้…ข้าก็สมควรถูกตีเช่นกัน ไม่รู้ว่ามัวคาดหวังตั้งตารออะไรอยู่กันแน่
หลังจากเศร้าหมองไปกับเรื่องที่คิดเองเออเองราวกับคนโง่งมมาทั้งวันแล้ว เนี่ยชิงหลินจึงตัดสินใจเข้านอนให้เร็วขึ้น จะได้ลืมเรื่องโง่เขลาฟุ้งซ่านของตนเองในวันนี้ไปให้หมดสิ้น โดยสั่งให้ซั่นหมัวมัวเตรียมน้ำอุ่นมาให้นาง หลังล้างหน้าและล้างมือล้างเท้าจนสะอาดดีแล้วก็ขึ้นเตียง หลังจากพลิกตัวไปมาในผ้าห่ม ข่มตาหลับอยู่สักพัก ความง่วงก็เริ่มเข้าครอบงำในที่สุด