ฉางซาอ๋องผู้หนุ่มแน่นยังไร้ทายาทสืบทอดตำแหน่ง ทันทีที่เกิดเรื่องขึ้นกับเขา เป็นไปได้ว่าแคว้นฉางซาอาจประสบชะตากรรมสิ้นแคว้นได้
หากทางราชสำนักยังให้ความเมตตา หลังจากนี้คนในสกุลมู่ก็น่าจะอาศัยอยู่ที่แห่งนี้ต่อไปได้ และมีส่วนในการพระราชทานปูนบำเหน็จดังเก่า แม้จะสูญเสียบรรดาศักดิ์เจ้าแคว้นไปแล้ว
ทว่าสำหรับขุนนางแคว้นฉางซา เกรงว่าหนทางในวันข้างหน้าของพวกเขาคงมืดมนเลือนรางเสียแล้ว
ทันใดนั้นเสียงฝีเท้าถี่รัวพลันดังมาจากนอกโถง
ทุกคนหันหน้าขวับ องครักษ์คนหนึ่งวิ่งถลันเข้ามา
“ว่าอย่างไร ทางแม่ทัพหยวนได้ข่าวท่านอ๋องแล้วหรือ”
ลู่หลินหรือเสนาบดีลู่ เป็นท่านอาในสกุลเดิมของชายาอ๋องลู่ซื่อ ทันทีที่รู้เรื่อง เขาสั่งให้คนปิดข่าวไว้ชั่วคราวเป็นอันดับแรก ป้องกันมิให้แพร่ออกไปจนผู้คนขวัญเสีย ส่วนตนเองเฝ้าอยู่ที่นี่มาสองคืนอย่างกระสับกระส่ายดุจมดบนกระทะร้อน เขาไม่รอองครักษ์เข้ามาข้างในก็วิ่งก้าวยาวๆ ไปหน้าประตูโถงเอ่ยปากถามอย่างร้อนรน
องครักษ์สั่นศีรษะพลางคุกเข่าลง ชูสองมือขึ้นยื่นกระบอกใส่สารกระบอกหนึ่งส่งให้พร้อมพูดเสียงดัง “มีผู้ถือสารมาถึง บอกว่าเป็นท่านหญิงส่งมา มีสารด่วนจะถวายแก่พระชายาขอรับ!”
ลู่หลินได้ยินว่ามีเพียงสารของธิดาอ๋องที่ออกเรือนไปขุยโจวตอนต้นปีมาถึงเท่านั้นก็ผิดหวังยกใหญ่ เขาบอกให้คนถือสารเข้าไปแล้วส่งคนไปสอบถามข่าวคราวจากหยวนฮั่นติ่งอีก
ลู่ซื่อเป็นสหายกับมู่เซวียนชิงมาแต่วัยเยาว์ หลังแต่งงานครองคู่กันแล้วก็ให้กำเนิดบุตรสาวคนหนึ่ง จู่ๆ ได้ยินว่าเกิดเรื่องขึ้นกับสามี นางจึงร้อนใจทั้งวันทั้งคืน เมื่อวานยังมีฝนตกลงมาตอนดึก พอรู้ว่ายังไร้คำตอบจากหยวนฮั่นติ่งที่ออกไปตามหา เกรงว่าจะประสบเคราะห์ร้ายมากกว่าเคราะห์ดี ส่งผลให้ทนรับไว้ไม่ไหวชั่วขณะจนสิ้นสติไป เพลานี้ดวงตาทั้งคู่ของชายาอ๋องแดงช้ำ นางกำลังเค้นแรงจะชันกายลุกขึ้น พลันเห็นสาวใช้เดินลิ่วๆ เข้ามาถวายสารฉบับหนึ่ง บอกว่าท่านหญิงส่งผู้ถือสารมา
ลู่ซื่อมีไมตรีอันดีต่อน้องสาวสามีมาเสมอ ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายส่งสารมากะทันหันต้องการจะบอกอะไร นางฝืนข่มความเจ็บปวดสิ้นหวังในใจไว้ เปิดสารออกอ่าน
น้องสาวสามีเขียนสารมาสั้นๆ ไม่กี่ประโยคเท่านั้น
แต่ทันทีที่ดวงตาของนางจับจ้องอยู่ที่ถ้อยความบนสารก็นิ่งขึงไป
สองตาของนางเป็นประกายฉับพลัน ท่ามกลางสายตาของสาวใช้รอบข้างที่จับจ้องมองตามอย่างประหลาดใจ นางก็ผุดลุกวิ่งด้วยฝีเท้าเร็วรี่ออกไปที่โถงหน้าโดยไม่หยุดพักหายใจ ตะโกนบอกลู่หลินที่ย่ำเท้าวนไปวนมาอย่างกระวนกระวายใจอยู่ “ท่านอา เรียกคนไปแจ้งแม่ทัพหยวนโดยเร็ว ให้ไปค้นหาที่ข้างใต้โตรกธารอิงจุ่ยตรงเนินซีหยวนเดี๋ยวนี้เลยเจ้าค่ะ ไม่แน่เซวียนชิงอาจอยู่ที่นั่นก็เป็นได้!”
ลู่หลินกับขุนนางสองสามคนตะลึงงัน พวกเขามองหน้ากันไปมาอย่างตั้งตัวไม่ทันชั่วขณะ
“ที่ข้างใต้โตรกธารอิงจุ่ย ยังไม่รีบไปอีก!”
เมื่อเรื่องเกี่ยวพันถึงความเป็นความตายของสามี เวลานี้ลู่ซื่อผู้อ่อนหวานมาโดยตลอดราวกับเปลี่ยนไปเป็นคนละคน นางตะคอกใส่ลู่หลินเสียงห้วน
ลู่หลินดึงสติคืนมา หมุนกายวิ่งผลุนผลันออกไปพร้อมกับขุนนางคนอื่นๆ
สองมือสั่นระริกของลู่ซื่อกำสารของน้องสาวสามีแน่นๆ นางอ่านซ้ำอีกรอบ แม้จะรู้สึกเหลือเชื่อ แต่ไฟแห่งความหวังที่อยู่ในใจลึกๆ ซึ่งเดิมริบหรี่ลงทีละน้อยก็ปะทุขึ้นมาอีกครา