วันนั้นหยวนฮั่นติ่งนำกำลังคนลงไปที่ข้างใต้โตรกธารจนพบตัวมู่เซวียนชิง เขาสลบไสลมาเป็นเวลานาน เหลือเพียงลมหายใจอ่อนรวยรินเฮือกสุดท้ายแล้ว
ชายหนุ่มหวั่นใจว่าเล่าเรื่องทั้งหมดจะทำให้นางตกใจ เขาชั่งใจครู่หนึ่งก่อนกล่าวอย่างใคร่ครวญ “พี่ชายของท่านเสด็จออกล่าสัตว์เมื่อหลายวันก่อน เกิดเหตุไม่คาดฝันเล็กน้อย แต่พบตัวได้ทันท่วงทีจึงไม่เป็นอะไรมาก ระยะนี้กำลังพักรักษาอาการบาดเจ็บอยู่”
สุดท้ายเรื่องน่ากลัวที่นางเป็นห่วงที่สุดก็หลบเลี่ยงพ้นไปได้ด้วยความโชคดี
ทุกอย่างดำเนินไปในทิศทางที่ดีแล้ว
อารมณ์ที่ว้าวุ่นวิตกมาหลายวันสงบลงทันควัน เมื่อร่างกายและจิตใจผ่อนคลาย ดวงตาของนางก็แดงเรื่ออย่างห้ามไม่อยู่จนน้ำตาพานจะไหล
หยวนฮั่นติ่งเติบโตมาพร้อมกับนางจึงรับรู้ความรู้สึกของนางได้อย่างละเอียดลออ เห็นนางดูคล้ายจะร่ำไห้ก็เริ่มแตกตื่น เขากล่าวอย่างลนลาน “ท่านไม่ต้องกลัวนะ อาการบาดเจ็บของท่านอ๋องไม่เป็นอะไรมากจริงๆ ก่อนหน้าแค่เสียพระโลหิตมากเกินไป พักฟื้นอีกสักพักหนึ่งก็หายดีได้แล้ว”
มู่ฝูหลันเบือนหน้าไปอีกทาง รอให้อารมณ์สงบลงบ้างถึงค่อยหันกลับมาพยักหน้าพูดยิ้มๆ กับเขา “ข้ารู้แล้ว ไม่เป็นไรก็ดี ขอบคุณพี่หยวนที่มารับข้า พวกเราเข้าเมืองกันเถอะ”
นางเป็นคนที่มีรูปโฉมงามล้ำเหลืออยู่แต่เดิม ยามนี้ประกายน้ำตรงหางตายังไม่เลือนหายไป ยิ่งขับให้ดวงหน้าแต้มยิ้มชวนพิศมากขึ้น
หยวนฮั่นติ่งไม่กล้ามองนาน เขาผงกศีรษะพูดว่า “ได้” แล้วรีบหมุนกายขึ้นม้านำทางขบวนรถม้าด้านหลังไปยังตัวเมือง
คนกับม้ากลุ่มหนึ่งเคลื่อนตัวผ่านประตูเมืองเข้าสู่ด้านใน
ผู้คนตามถนนหนทางส่วนใหญ่รู้จักหยวนฮั่นติ่ง เห็นเขาพารถม้าขบวนหนึ่งไปทางวังอ๋องก็แลมองผู้ที่นั่งอยู่ในนั้น คลับคล้ายจะเป็นแขกสตรีก็พากันหยุดฝีเท้าชมดูด้วยความอยากรู้อยากเห็นอยู่บ้าง
หยวนฮั่นติ่งส่งคนไปรายงานลู่ซื่อล่วงหน้าแล้ว นางจึงพาอาหรูมาต้อนรับที่หน้าประตูใหญ่ด้วยตนเอง เมื่อพี่สะใภ้กับน้องสามีได้พบหน้ากันต่างก็ปลื้มปีติยินดีอย่างไร้ที่สิ้นสุด ส่วนอาหรูก็แสนคึกคักร่าเริง นางแหงนใบหน้าเล็กๆ ขึ้นร้องเรียกมู่ฝูหลันไม่หยุดปากว่า “อาหญิง”
สำหรับมู่ฝูหลันแล้วหนนี้เป็นการกลับบ้านหลังผ่านไปชาติหนึ่ง อย่าว่าแต่ได้เห็นหยวนฮั่นติ่ง พี่สะใภ้ และหลานสาวตัวน้อยเลย แม้แต่เห็นสิงโตหินหน้าตาเคร่งขรึมน่ายำเกรงสองตัวที่ตั้งอยู่ด้านซ้ายขวาตรงหน้าประตูวังอ๋อง ก็ทำให้นางเต็มตื้นตรงกลางอกอย่างสุดระงับได้
หญิงสาวสงบอกสงบใจลง จูงมือหลานสาวไว้แล้วตกอยู่ในภวังค์ ราวกับมองเห็นตนเองกับอาหญิงตอนเป็นเด็ก
นางจับจูงมือเล็กๆ ของอาหรูแน่นมากขึ้น ก้าวเท้าเดินตามพี่สะใภ้เข้าไปข้างใน
ลู่ซื่อสั่งให้คนจัดที่พักของนางไว้เมื่อหลายวันก่อนแล้ว ยังคงเป็นห้องเดิมของนางก่อนออกเรือน
พอลู่ซื่อเข้าห้องมาด้วยกัน มู่ฝูหลันก็ถามถึงพี่ชาย อีกฝ่ายตอบว่าเขากินยาแล้วนอนหลับอยู่ตอนนี้ ยังกล่าวต่อทันทีว่า “หลันเอ๋อร์ ดีที่วันนั้นได้รับสารของเจ้าถึงได้พบตัวพี่ชายของเจ้าทันเวลา หาไม่แล้ว…”
ลู่ซื่อหวนคิดถึงเหตุการณ์ตอนนั้น แม้จะผ่านไปแล้วทว่ายังหวาดผวาไม่หาย นางบอกให้สาวใช้พาบุตรสาวออกไปก่อน ค่อยคว้ามือน้องสาวสามีมาจับแน่นๆ
“พี่สะใภ้ไม่รู้จะขอบคุณเจ้าเช่นไรดี หลันเอ๋อร์ วันหน้าไม่ว่ามีเรื่องใดเจ้าบอกมาได้เต็มที่ ขอแค่ไม่เหลือบ่ากว่าแรง พี่ชายเจ้ากับข้าจะช่วยเหลือเจ้าแน่นอน”
นางทั้งตื้นตันทั้งซาบซึ้งใจสุดจะเปรียบ พูดไปแล้วในดวงตาก็มีน้ำตารื้นขึ้นเป็นประกายวาวๆ
มู่ฝูหลันกล่าวอย่างยิ้มแย้ม “ขอแค่พี่เซวียนชิงปลอดภัยสบายดีก็เป็นบุญอันยิ่งใหญ่ของข้าแล้ว ประเดี๋ยวข้าก็จะไปเฝ้าพี่เซวียนชิง”