พริบตาเดียวผ่านไปสิบปีแล้ว
บางทีอาจจะมากกว่าสิบปีก็เป็นได้
นานแสนนานปานนั้น วันเวลาก็ล่วงเลยไปเช่นนี้
นางมิใช่เด็กหญิงตัวน้อยที่ร้องเพลงให้อาหญิงฟังในอดีตอีก กระนั้นทุกถ้อยทุกวาจาที่อาหญิงพูดกับนางในราตรีนั้น จวบจนบัดนี้เมื่อมู่ฝูหลันนึกขึ้นมาก็ยังดังวนเวียนอยู่ในหู ทว่าคำอวยพรในช่วงวาระสุดท้ายของอาหญิงยังคงไม่เป็นจริง
คนในยุคนี้กล่าวว่าสตรีสกุลมู่ของแคว้นฉางซาทุกรุ่นต้องมีรูปโฉมล้ำเลิศคนหนึ่ง
แม้รูปโฉมงดงามไม่เป็นสองรองใคร แต่เส้นทางชีวิตกลับแสนขรุขระ ไม่ได้พบจุดจบที่ดี
ชะรอยว่านี่คงเป็นชะตากรรมของสตรีสกุลมู่
จากทะเลสาบต้งถิงเข้าสู่แม่น้ำฉางเจียงลัดเลียบริมฝั่งทวนกระแสน้ำขึ้นไปทางทิศตะวันตก ข้ามอำเภอเจียงหลิง เขตสยาโจว เขตกุยโจว ผ่านอำเภอปาตง เลาะไปตามอำเภออูซาน ไม่ไกลจากเส้นทางอันทุรกันดารของแดนสู่ ก็จะเป็นเขตขุยโจว ที่นี่มีอำเภอเก่าแก่แห่งหนึ่ง เล่าขานว่าความเป็นมาของอำเภอสามารถไล่เลียงย้อนกลับไปถึงเมื่อแรกบุกเบิกแผ่นดินของราชวงศ์นี้ ชาวสกุลเซี่ยสายหนึ่งของราชวงศ์ก่อน รอนแรมอพยพมาตั้งถิ่นฐาน ณ ที่แห่งนี้เพื่อหลบหนีเภทภัย และให้กำเนิดลูกหลานเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จวบจนทุกวันนี้ผู้คนในอำเภอนี้ยังคงแซ่เซี่ยเป็นส่วนใหญ่ จึงเป็นที่มาของชื่อ ‘อำเภอเซี่ย’
แสงแรกของอรุณรุ่งทอลอดหน้าต่างฉลุลายตัวอักษร ‘วั่น’ กรุกระดาษค่อนข้างเก่าคร่ำคร่าบานหนึ่ง สาดส่องไปทั่วห้องให้สว่างไสวขึ้นทีละเล็กทีละน้อย
ในห้องโถงกลางของคฤหาสน์สกุลเซี่ยวันนี้ นายหญิงเซี่ยนั่งขัดสมาธิอยู่ริมตั่งเช่นเคย นางกำลังรอคอยมู่ฝูหลันลูกสะใภ้มาแสดงคำนับยามเช้า จากนั้นช่วยสวมรองเท้าและสางผมให้ วันใหม่ก็จะเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง
มู่ซื่อ* เป็นธิดาของฉางซาอ๋องที่ล่วงลับไปเมื่อสามปีที่แล้ว และเป็นขนิษฐาของฉางซาอ๋ององค์ปัจจุบัน
ไม่ว่าศักดิ์ฐานะเดิมจะสูงหรือต่ำ เมื่อออกเรือนมาอยู่กับตระกูลสามีแล้ว การแสดงคำนับเช้าเย็นก็คือสิ่งจำเป็น เพราะนี่เป็นหลักแห่งความกตัญญูกตเวทีของผู้มีความสัมพันธ์เป็นลูกสะใภ้กับมารดาสามี
กระนั้นการสวมรองเท้าสางผมให้มารดาสามีทุกวัน สำหรับสตรีสกุลมู่แล้วอาจมีเสียงติติงว่าเป็นการลดเกียรติอย่างเลี่ยงได้ยาก
ดังนั้นพอลูกสะใภ้เสนอตัวจะปรนนิบัตินางในเรื่องเหล่านี้จึงทำให้นายหญิงเซี่ยเหนือความคาดหมาย อีกทั้งยังตะขิดตะขวงใจอยู่บ้าง
แต่ตอนนี้มู่ซื่อแต่งเข้ามานานครึ่งปี นิสัยใจคอนุ่มนวลอ่อนโยนสมเป็นแม่ศรีเรือน ให้ความเคารพนับถือและปรนนิบัติพัดวีนางได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง มิเคยวางท่าถือตนเป็นธิดาอ๋องให้เห็นแม้สักกระผีก ไม่ว่าทางกิริยาหรือวาจา จากที่เคยสงวนทีท่าในทีแรก นายหญิงเซี่ยค่อยๆ คุ้นชินจนเห็นเป็นเรื่องปกติ ถึงขั้นรู้สึกว่านี่สมควรถูกต้องดีอยู่แล้ว
นายหญิงเซี่ยตื่นเช้าเป็นนิสัย ลูกสะใภ้ก็ทำตามอย่างนาง ลุกจากเตียงตั้งแต่ท้องฟ้ายังไม่สว่างมาคอยอยู่ที่โถงเรือนยามเหม่าทุกวันเสมอ แต่วันนี้เลยเวลามาแล้วยังไม่เห็นมู่ซื่อปรากฏตัว แม่นมมู่ที่เรือนปีกตะวันออกซึ่งติดตามมารับใช้ผู้เป็นนายที่ตระกูลสามีเพียงส่งสาวใช้นางหนึ่งมาแจ้งว่าเช้านี้ฮูหยินน้อยตื่นสายสักหน่อย ฝากคำขอขมามาให้ฮูหยินผู้เฒ่าก่อน อีกประเดี๋ยวถึงมาแสดงคำนับ เป็นเหตุให้นางเริ่มไม่พึงใจอย่างช่วยไม่ได้ หัวคิ้วก็ย่นเข้าหากันทีละน้อย
ชิวจวี๋สาวใช้ที่มีหน้าตาสะสวยอยู่หลายส่วนของสกุลชีถูกส่งมารับใช้นายหญิงเซี่ยเมื่อหลายปีก่อนหน้ายืนอยู่ด้านข้าง นางมีนามเดิมว่า ‘ชิวหลัน’ แต่ต้องเปลี่ยนใหม่เพื่อเลี่ยงไม่ให้ชื่อซ้ำกับประมุขหญิงของเรือน หลังนางจับน้ำเสียงและพิศดูสีหน้านายหญิงแล้ว ก็กระซิบพูดเบาๆ “ฮูหยินผู้เฒ่าเจ้าคะ มิใช่บ่าวจะปากมาก แม้ว่าฮูหยินน้อยออกเรือนมาจากแคว้นฉางซา แต่วันนี้ไม่เป็นเช่นวันวานแล้ว สามปีก่อนตอนเพิ่งหมั้นหมายกัน แคว้นฉางซายังนับว่าดีอยู่ แต่หลังท่านฉางซาอ๋ององค์เดิมสิ้นไปอำนาจก็เสื่อมถอยลงปีแล้วปีเล่า ส่วนคุณชายของเราหลายปีนี้กลับก้าวหน้ารุ่งโรจน์ อย่างเมื่อตอนต้นปีที่แต่งงานกับนาง ทางราชสำนักก็แต่งตั้งคุณชายเป็นผู้บัญชาการกองทัพเหอซี บ่าวได้ยินมาว่าแม้แต่หลิวไทเฮาเมื่อได้พบกับคุณชายของเรายังต้องแย้มสรวลให้ ตรัสวาจาด้วยอย่างมีไมตรีเพื่อดึงตัวไปเป็นพวกนะเจ้าคะ รอคราวนี้คุณชายปราบกบฏได้สำเร็จ ยิ่งต้องได้เลื่อนตำแหน่งสูงขึ้นเป็นแน่เจ้าค่ะ”
ใบหน้านายหญิงเซี่ยถึงมีรอยยิ้ม