บิดามารดาของนางรักมั่นคงต่อกัน แม้บิดาจะครองตำแหน่งฉางซาอ๋อง แต่ตลอดชีวิตของท่านมีมารดาเป็นชายาแค่เพียงคนเดียว หลังจากมารดาล้มป่วยล่วงลับไปตอนนางอายุสิบขวบ อาการบาดเจ็บเรื้อรังจากการรบทัพจับศึกในวัยหนุ่มของบิดาก็กำเริบขึ้นอีก ส่งผลให้สุขภาพย่ำแย่ลงทุกวัน จนในปีที่นางอายุสิบสามปี หลังบิดาเลือกคู่ครองให้นางได้ไม่นานก็ติดตามมารดาไป
มาตรว่าในชาตินี้บิดามารดาจะจากไปแล้วทั้งคู่ นางก็ยังชอกช้ำกับความสูญเสียที่ละม้ายอยู่ในห้วงฝันลวงตานั่น หากในใจกลับรับรู้ได้จริงๆ ว่าทั้งหมดนี้น่าจะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับผู้เป็นที่รักในภพก่อน แล้วก็เป็นความเจ็บปวดแทบขาดใจเยี่ยงนั้นที่ทำให้นางตื่นขึ้นแล้วหยุดร้องไห้ไม่ได้เมื่อเช้านี้
ทว่านางยังโชคดีอยู่
นางได้กลับมาเป็นตนเองตอนอายุสิบหกปี
แต่การย้อนเวลากลับมาเริ่มต้นชีวิตใหม่นี้ นางกับเลือดในอกเมื่อชาติที่แล้วต้องอยู่กันคนละภพ ไม่อาจพบกันได้อีกชั่วนิรันดร์ ถึงกระนั้นนางยังคงมีโอกาสไปช่วยเหลือพี่ชายกับพี่สะใภ้ของตนที่ใกล้ชิดสนิทสนมกัน ยังมีคนที่ดีต่อนางอย่างแม่นมมู่อีก ซึ่งนางจะปกป้องคนในครอบครัวด้วยชีวิต
นางกล้ำกลืนน้ำตาอุ่นจัดที่คลอเบ้ากลับลงไปอย่างสุดกำลังก่อนเอ่ยขึ้น “ข้าไม่เป็นไร แค่ฝันร้ายเมื่อคืน แม่นมไม่ต้องเป็นห่วง”
หญิงสาวหยุดเว้นจังหวะแล้วกล่าวต่อ “แม่นมมู่ ข้าจะกลับทะเลสาบต้งถิง ข้าตัดสินใจแน่วแน่แล้ว”
ตั้งแต่เล็กจนโต ธิดาอ๋องเป็นคนอ่อนโยนนุ่มนวลและว่านอนสอนง่ายมาโดยตลอด นี่เป็นครั้งแรกที่แม่นมมู่เห็นนางตัดสินใจเรื่องหนึ่งด้วยท่าทีเด็ดขาดไม่เปิดโอกาสใดๆ ให้ต่อรองเช่นนี้
ถึงยังไม่หายงุนงง แต่นางไม่คิดไต่ถามอีก เพียงพูดเสียงนุ่ม “ได้เจ้าค่ะ ท่านหญิงอยากกลับทะเลสาบต้งถิง พวกเราก็กลับกัน”
มู่ฝูหลันเดินไปที่ข้างโต๊ะ หยิบสารที่ตนเขียนเสร็จแล้วผนึกครั่งยื่นส่งให้
“แม่นมมู่ ท่านหาคนฝีมือดีๆ สักคนถือสารฉบับนี้ไปส่งถึงมือพี่สะใภ้ข้าโดยเร็วที่สุดให้ได้ ข้ามีเรื่องสำคัญจำเป็นต้องบอกให้นางทราบ พวกเรามีคนมาก ถึงเดินทางได้เร็วปานใดข้าก็กลัวว่าจะล่าช้าเสียเวลา สารนี้สำคัญอย่างยิ่งยวด ห้ามพลาดเป็นอันขาด!”
นางเน้นเสียงหนักกล่าวย้ำอีกรอบ
แม่นมมู่ไม่เข้าใจมากขึ้น แต่เห็นผู้เป็นนายทำหน้าขึงขังก็พยักหน้าแล้วรับสารไว้ จากนั้นหมุนกายออกไปอย่างเร็วรี่
มู่ฝูหลันมองตามแผ่นหลังของนางพลางพรูลมหายใจออกช้าๆ เฮือกหนึ่ง
“ท่านหญิง พอกลับไปคราวนี้ ตอนกลับมาอีกทีคงอากาศหนาวแล้วเป็นแน่ จะนำเสื้อขนสุนัขจิ้งจอกตัวนี้หรือว่าเสื้อคลุมตัวนั้นไป หรือจะเอาไปทั้งสองตัวเจ้าคะ”
ตันจูชี้อาภรณ์ฤดูหนาวหลายตัวพร้อมถามไถ่ความชอบของนาง
มู่ฝูหลันหันกลับมาบอก “หยิบหนังสือรวมถึงตำราแพทย์ แล้วก็โถสามขาลายตัวขุยบนชั้นวางคู่นั้นที่ข้านำติดตัวตอนมา จัดใส่หีบห่อเอากลับไปทั้งหมด ส่วนพวกเสื้อผ้าอาภรณ์อย่างไรก็ได้ มีให้ผลัดเปลี่ยนระหว่างทางเท่านั้นเป็นพอ”
ตันจูอึ้งไป
ตอนธิดาอ๋องออกเรือนมาที่นี่ นอกจากสินเจ้าสาวก้อนโตแล้วยังนำหนังสือของนางมามากมาย รวมถึงตำราแพทย์ด้วย