สำหรับโถสามขาลายตัวขุยยุคราชวงศ์โจวเป็นของรักของหวงของอดีตฉางซาอ๋องผู้ล่วงลับไปแล้ว ฉางซาอ๋องคนปัจจุบันรักใคร่น้องสาวถึงเพิ่มมันลงไปในสินเจ้าสาวให้น้องสาวเป็นที่ระลึก
ตันจูนึกว่าธิดาอ๋องจะกลับไปอยู่แค่ชั่วคราว ไม่รู้เพราะเหตุใดถึงทิ้งเสื้อผ้าเอาไว้ แล้วให้เก็บของหนักๆ ที่นำติดตัวไม่สะดวกเหล่านี้ไปแทน
“ท่านหญิง?”
นางชักฉงนใจ
“เก็บของตามที่ข้ากำชับเป็นพอ”
มู่ฝูหลันส่งยิ้มบางๆ ให้นาง
สาวใช้ได้แต่พยักหน้าแล้วสั่งให้คนเก็บสัมภาระต่อ
“ฮูหยินผู้เฒ่า ช้าสักนิดเจ้าค่ะ ระวังบันไดด้วย”
เสียงสนทนาดังมาจากหน้าประตูในฉับพลัน
มู่ฝูหลันหันศีรษะไป
นายหญิงเซี่ยเดินมาจากทางเรือนกลางด้วยฝีเท้ารีบเร่ง นางไม่ให้ชิวจวี๋ประคอง สาวเท้าหลายก้าวขึ้นบันไดด้วยตนเองมาหยุดที่หน้าเรือนปีกตะวันออกแต่ไม่เข้าไป เพียงยืนอยู่นอกธรณีประตู กวาดสายตาเห็นหีบกล่องเปิดอ้าอยู่หลายใบบนพื้นห้องแล้วสีหน้าก็ขรึมลง
“มู่ซื่อ นี่เจ้าหมายความว่าอันใด เมื่อครู่ชิวจวี๋บอกกับข้า ข้ายังไม่เชื่อ นี่เจ้าจะกลับสกุลเดิมจริงๆ หรือ!”
พวกตันจูกับจูอวี๋เห็นนายหญิงเซี่ยมาถึง พากันหยุดงานในมือแล้วมองไปทางมู่ฝูหลัน
มู่ฝูหลันจ้องมองนายหญิงเซี่ย นางเดินไปต้อนรับที่หน้าประตู กล่าวอย่างนอบน้อม “ท่านแม่เข้ามานั่งสิเจ้าคะ เพราะเดินทางฉุกละหุกอยู่สักหน่อย แล้วมีข้าวของต้องจัดเก็บมาก จึงไม่ได้ไปบอกกับท่านด้วยตนเอง อย่าได้ตำหนิเลยนะเจ้าคะ”
นายหญิงเซี่ยขมวดคิ้วมุ่น พูดเสียงฮึดฮัด “แม้บุตรชายข้าจะจากเรือนไปในคืนพิธีมงคล แต่นั่นเป็นพระบัญชาของฮ่องเต้ยากฝ่าฝืน หาใช่ตัวเขาเองมิอยากรั้งอยู่ เจ้าออกเรือนมาที่ตระกูลข้าก็ย่อมเป็นคนของสกุลเซี่ยแล้ว อีกอย่างข้าไม่ได้ยืนกรานไม่ยอมให้เจ้ากลับสกุลเดิมเสียหน่อย แต่ว่านี่เพิ่งผ่านมานานเท่าใดกันเชียว เจ้าก็จะกลับไปแล้ว?”
มู่ฝูหลันนิ่งเงียบไม่กล่าวตอบ
นายหญิงเซี่ยหยุดเว้นจังหวะ
“ยายเฒ่าโดดเดี่ยวอย่างข้าไม่มีวาสนาได้รับการปรนนิบัติจากลูกสะใภ้หรอก เรื่องนี้ข้าปลงได้แล้ว เพียงแต่บุตรชายข้าน่าจะกลับมาในเร็ววันนี้ พอเขามาถึงเรือนแล้วเจ้าไม่อยู่ มันเป็นเรื่องงามหน้าหรือไม่เล่า”
มู่ฝูหลันกล่าว “เป็นความผิดของข้าเอง ท่านแม่ระงับโทสะด้วยเจ้าค่ะ”
นอกจากคำพูดนี้แล้วก็ไม่มีถ้อยคำอื่นใดอีก
ท่าทางมีสัมมาคารวะดุจเก่า ทว่าแสดงความตั้งใจแจ่มชัดยิ่งนัก
นั่นก็คือหนนี้ต้องกลับสกุลเดิมแน่นอน
สตรีสกุลมู่แต่งเข้ามานานครึ่งปีกว่า ยามอยู่เบื้องหน้าตนล้วนเคารพอ่อนน้อมสุดจะเปรียบ นี่เป็นครั้งแรกที่นายหญิงเซี่ยถูกปฏิเสธอย่างละมุนละม่อมเช่นนี้ พาให้ในใจขุ่นเคืองยิ่งขึ้น แต่ท้ายที่สุดยังคงกริ่งเกรงศักดิ์ฐานะของอีกฝ่ายจึงไม่กล้าเกรี้ยวกราดมากเกินไป นางฝืนสะกดไฟโทสะสุมไว้ในอก แค่นเสียงฮึทีหนึ่ง
“มู่ซื่อ ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นธิดาอ๋อง ทั้งยังเป็นท่านหญิง ไม่เห็นสกุลเซี่ยของข้าอยู่ในสายตา ยายเฒ่าบ้านนอกเยี่ยงข้าก็ไม่คู่ควรเป็นแม่สามีของเจ้า เจ้าจะกลับสกุลเดิมให้ได้เช่นนี้ ข้าก็ไม่กล้าห้ามเจ้าหรอก แต่ก่อนเจ้าไป ข้ามีเรื่องหนึ่งต้องบอกให้เจ้ารู้ไว้ เจ้าจะได้ไม่กลับมาต่อว่าต่อขานทีหลัง”
มีหรือมู่ฝูหลันจะเดาไม่ออกว่านางอยากพูดอะไร