ทดลองอ่าน
ทดลองอ่าน ยอดหญิงเทพสมุนไพร เล่ม 1 ตอนที่ 3
หลี่เมิ่งซีนำถั่วเขียวกับข้าวสารที่ล้างสะอาดลงในหม้อ ใช้ไฟแรงต้มจนเดือดแล้วจึงค่อยเปลี่ยนมาใช้ไฟอ่อนค่อยๆ ตุ๋น จนกระทั่งสุกได้แปดส่วนค่อยนำตับหมูหั่นเป็นชิ้นกับใบไห่ถังหั่นละเอียดใส่ลงในหม้อ ต้มสุกแล้วใส่เครื่องปรุงรสลองชิมดูก็พบว่ารสชาติดีมาก จึงสั่งให้คนตักใส่ชาม
เนื่องจากหลี่เมิ่งซีลืมไปว่ายุคโบราณนี้ไม่มีเครื่องใช้ประเภทเตาอบ ขนมที่คิดไว้ก่อนหน้านี้จึงทำไม่ได้ วันหลังค่อยขบคิดหาหนทางใหม่แล้วกัน นางทำขนมดอกกุ้ยใส่น้ำผึ้งแบบง่ายๆ บ่าวในห้องครัวลองชิมดูแล้วต่างมองนางอย่างประหลาดใจ คิดไม่ถึงว่าสะใภ้คนใหม่ผู้นี้จะทำขนมอร่อยถึงเพียงนี้ วันหน้าจะต้องประจบนางให้ดี หากเรียนรู้วิธีการทำมาได้ย่อมสามารถวางโตในห้องครัวนี้ได้แน่ แม่ครัวสองคนจินตนาการถึงอนาคตอันงดงาม ทั้งเลื่อมใสหลี่เมิ่งซียิ่งกว่าอะไร นับแต่นี้ไปจะตั้งใจดูแลจัดการห้องครัวให้หลี่เมิ่งซีอย่างเต็มที่
หลี่เมิ่งซีสั่งให้คนนำขนมใส่กล่องอาหาร อีกด้านแม่ครัวก็ผัดกับข้าวเสร็จแล้ว นางจึงสั่งสาวใช้รุ่นเล็กยกตามมา ให้หงจูประคองเดินกลับไปที่ห้องของเซียวจวิ้น
เนื่องจากเซียวจวิ้นไม่สบาย เขาจึงไม่ได้กินอาหารในห้องโถง หลี่เมิ่งซีสั่งให้ยกอาหารเข้าไปในห้องนอน หงจูก็ช่วยเลิกม่านให้นาง
หลี่เมิ่งซีก้าวเข้าไปในห้อง เงยหน้าก็เห็นหลี่อี๋เหนียงนั่งอยู่ข้างเตียง กึ่งซบอยู่ในอกของเซียวจวิ้น ใช้ผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตาพลางพูดอะไรบางอย่าง เซียวจวิ้นกำลังกุมมือหลี่อี๋เหนียง ปลอบโยนเสียงนุ่มนวล แม้หลี่เมิ่งซีจะไม่มีใจให้เซียวจวิ้น แต่เมื่อเห็นภาพนี้เข้าก็ยังรู้สึกฝาดเฝื่อนในใจ ฝีเท้าจึงชะงักไปชั่วขณะ ก่อนจะให้หงจูประคองก้าวเข้ามาอย่างสุขุม
หลี่อี๋เหนียงกำลังซับน้ำตา เห็นหลี่เมิ่งซีเข้ามาก็รีบสลัดมือเซียวจวิ้นออก ลุกขึ้นคุกเข่าให้นาง “อนุคารวะสะใภ้รอง” น้ำเสียงเต็มไปด้วยความตื่นลนลาน
เซียวจวิ้นเห็นอนุรักหวาดกลัวหลี่เมิ่งซีเช่นนี้ ใบหน้าก็พลันบึ้งตึง ไม่รอให้นางพูดก็ยื่นมือไปดึงหลี่อี๋เหนียงขึ้นมา “ลุกขึ้นเถอะ กลับไปเตรียมตัวซะ คืนนี้ข้าจะไปหาเจ้า”
“คุณชายรอง ไม่ได้นะเจ้าคะ! ทำแบบนี้…ทำแบบนี้ไม่สอดคล้องกับกฎธรรมเนียม” หลี่อี๋เหนียงฟังแล้วในใจพลันลิงโลด แต่ใบหน้ากลับแสร้งฉายความตระหนกตกใจ ตอบเซียวจวิ้นเสียงอ่อนเสียงหวานพลางปรายตามองหลี่เมิ่งซีอย่างประหม่า
“คำพูดข้าเจ้าก็กล้าขัดรึ ข้าเป็นนายของเจ้า เรื่องต่างๆ ในเรือนหลังนี้ข้าเป็นผู้มีอำนาจตัดสินใจ ข้านี่แหละคือกฎธรรมเนียม!” เซียวจวิ้นเห็นสีหน้าและท่าทีอันลนลานของหลี่อี๋เหนียง ในใจก็ยิ่งเคืองขุ่น ตำหนิหลี่อี๋เหนียงไปคำหนึ่ง
“เจ้าค่ะ คุณชายรอง อนุเชื่อฟังคุณชายรอง จะกลับไปเตรียมตัวเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ” หลี่อี๋เหนียงลุกขึ้นอย่างกล้าๆ กลัวๆ พลางย่อกายคารวะหลี่เมิ่งซีและเดินไปที่ประตูอย่างนอบน้อม ตอนที่เดินผ่านหลี่เมิ่งซี นางก็ฉีกยิ้มกระหยิ่มใจ ใบหน้าไหนเลยจะหลงเหลือความลนลานอยู่อีกเล่า ยามนี้หลี่อี๋เหนียงหันหลังให้เซียวจวิ้น ชายหนุ่มย่อมมองไม่เห็นสีหน้าของนาง
หลี่เมิ่งซีรู้สึกว่ามือของหงจูที่ประคองตนอยู่สั่นเล็กน้อย แต่นางยังคงให้หงจูประคองไปนั่งบนเก้าอี้โดยสีหน้าไม่เปลี่ยน สั่งสาวใช้ตั้งสำรับให้เรียบร้อย จากนั้นจึงชี้อาหารบนโต๊ะและแนะนำกับเซียวจวิ้นเสียงค่อย
“คืนนี้ข้าภรรยาทำโจ๊กถั่วเขียวตับหมูให้คุณชายรอง มีสรรพคุณบำรุงตับและเลือด ระบายความร้อนบำรุงสายตา คุณชายรองกินตอนร้อนๆ เถอะเจ้าค่ะ ข้าภรรยาคิดว่าวันนี้คุณชายรองกินแต่โจ๊ก เรี่ยวแรงจะไม่เพียงพอ จึงตั้งใจทำขนมดอกกุ้ยใส่น้ำผึ้งมาให้คุณชายรองด้วย ตัวขนมอ่อนนุ่มรสชาติอร่อย หวานแต่ไม่เลี่ยน ประเดี๋ยวคุณชายรองลองชิมดูว่าถูกปากหรือไม่” พูดพลางส่งสัญญาณให้หงจูปรนนิบัติคุณชายรองลงจากเตียงล้างมือ
หาไม่แล้วคืนนี้เจ้าจะมีแรง ‘ทำงาน’ ได้อย่างไร หลี่เมิ่งซีเหน็บแนมในใจอีกประโยค
เซียวจวิ้นเห็นหลี่เมิ่งซีทำราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งแนะนำอาหารบนโต๊ะกับตนอย่างนุ่มนวล เขาจึงไม่รู้จะตำหนินางอย่างไร ได้แต่ให้หงอวี้ปรนนิบัติเขาล้างมือ สวมรองเท้าและไปนั่งที่โต๊ะ
หลี่เมิ่งซีใคร่ครวญดูแล้ว ใครให้เขาเป็นหัวหน้าของนางเล่า เบี้ยเลี้ยงรายเดือนของนางล้วนถูกแจกจ่ายออกมาภายใต้ฐานะภรรยาเอกของเขา แม้ตอนนี้จะไม่รู้ว่าได้เท่าไร แต่ถึงอย่างไรก็คงสูงกว่าอี๋เหนียงกระมัง คิดแบบนี้แล้วจึงไม่สนใจความเย็นชาของชายหนุ่ม ล้างมือและตักโจ๊กให้เขาอย่างสุขุม คีบกับข้าวปรนนิบัติเขากินพลางท่องในใจ
ผู้อื่นเป็นหัวหน้า ย่อมสมควรมีความขึงขังน่าเกรงขาม อยากเย็นชาก็เย็นชาไปเถอะ นี่เรียกว่าศิลปะการปกครองลูกน้อง อีกอย่างกฎสำคัญข้อหนึ่งในคู่มือลูกจ้างก็คือต้องรักษาระยะห่างกับหัวหน้า!
ให้ตายเถอะ! หลี่เมิ่งซีนำวิธีเอาชนะทางจิตใจของอาคิว มาใช้กับเซียวจวิ้นเสียแล้ว
มีเพียงเวลานี้เท่านั้นที่หลี่เมิ่งซีรู้สึกถึงข้อดีที่คนโบราณไม่พูดยามกิน ไม่คุยยามนอน นางปรนนิบัติเซียวจวิ้นกินอาหารจนเสร็จ หลังจากบ้วนปากก็ให้สาวใช้มายกสำรับออกไปและยกน้ำชาเข้ามา
เซียวจวิ้นนั่งดื่มน้ำชาอยู่ข้างโต๊ะ หลี่เมิ่งซีพบว่าบนโต๊ะเครื่องแป้งมีแบบลวดลายวางอยู่ นางจึงหยิบขึ้นมาถาม “สิ่งนี้จะเอามาทำอะไรหรือ”
“เรียนสะใภ้รอง นี่เป็นแบบลวดลายที่อี๋เหนียงใหญ่ส่งมาให้เจ้าค่ะ ใกล้ถึงเทศกาลฉีเฉี่ยว แล้ว จะเลือกลวดลายสวยๆ ปักบนผ้าเช็ดหน้า และถุงผ้าใบเล็กให้แม่นางน้อยทั้งหลาย ปีก่อนๆ อี๋เหนียงใหญ่ล้วนเป็นคนจัดการ ปีนี้สะใภ้รองเข้าบ้านมาแล้ว อี๋เหนียงใหญ่จึงส่งมาให้ดู บอกว่าให้สะใภ้รองตัดสินใจเจ้าค่ะ” หงจูพูดพลางเดินเข้ามาข้างหลี่เมิ่งซี หยิบลวดลายขึ้นมาเทียบดู
หลี่เมิ่งซีหยิบแบบลายผีเสื้อชิ้นหนึ่งขึ้นมา พลิกดูอยู่นานก่อนจะยื่นไปตรงหน้าหงจูและพูด “ปกติแม่นางน้อยทั้งหลายชอบลวดลายและสีสันแบบใด ผีเสื้อตัวนี้สีสันสดใสมาก ทั้งลวดลายก็ไม่เลว…”
หงจู หงอวี้รีบผงกศีรษะเห็นด้วย เมื่อเป็นเช่นนี้ ทั้งสามจึงค่อยๆ เลือกลาย
ภาษิตว่าจะมัดใจบุรุษ ก่อนอื่นต้องมัดกระเพาะบุรุษให้ได้ก่อน คำพูดนี้นับว่านำมาใช้ในยุคโบราณได้ดีเช่นกัน เซียวจวิ้นกินโจ๊กกับขนมที่หลี่เมิ่งซีทำแล้ว ถึงกับลอบอุทานในใจว่านางฝีมือดี ทั้งยังเห็นหลี่เมิ่งซียืนปรนนิบัติตนอยู่ตรงนั้นเงียบๆ เมื่อกระเพาะรู้สึกสบาย โทสะก็ค่อยๆ ลดไปกว่าครึ่ง เขาจึงตระหนักได้ว่าคำพูดเมื่อครู่นี้ของตนวู่วามไปสักหน่อย