หงอวี้ก้าวเข้ามานั่งยองกับพื้น ถอดรองเท้าและถุงเท้าให้คุณชายรอง ม้วนขากางเกงเขาขึ้น ยกเท้าทั้งสองขึ้นแล้ววางลงในน้ำ ม้วนแขนเสื้อของตนเองทำท่าจะล้างขาให้
หลี่เมิ่งซีซึ่งถอดเสื้อตัวนอกไปแล้ว ยามนี้นางนั่งอยู่บนเก้าอี้กลมด้านข้างที่เตรียมไว้แต่แรก กำลังม้วนแขนเสื้อตัวในขึ้นพลางพูด “ข้าเองดีกว่า”
เซียวจวิ้นกับหงอวี้ต่างตะลึงงัน การล้างเท้าล้วนเป็นหน้าที่ของสาวใช้ สะใภ้รองจะลงมือเองได้อย่างไร!
“ไม่ได้นะเจ้าคะสะใภ้รอง!” หงอวี้พูดอย่างร้อนใจ ใบหน้าแดงก่ำ อย่างไรก็ไม่ยอมปล่อยมือ
“เจ้าไปหยิบหมอนอิงมาหนุนให้คุณชายรองเถอะ คุณชายรองจะได้รู้สึกสบายขึ้น” หลี่เมิ่งซีสั่งพลางยื่นมือลงไปในน้ำ จับเท้าซ้ายของเซียวจวิ้นและนวดให้เขา
หงอวี้มองสะใภ้รองอย่างลำบากใจ จากนั้นก็หันไปมองคุณชายรอง เห็นสะใภ้รองยื่นมือลงไปแล้ว คุณชายรองก็ไม่ได้ว่าอะไร นางจึงลุกขึ้น อีกด้านหนึ่งหงจูหยิบหมอนอิงมาสองใบ วางไว้ด้านหลังเพื่อให้เซียวจวิ้นเอนกายได้สบายขึ้น
เซียวจวิ้นหรือจะเคยสัมผัสประสบการณ์การแช่ฝ่าเท้าในน้ำสมุนไพรและการนวดขั้นสูงเช่นนี้ เขาเอนกายอย่างสบาย สายตาที่มองหลี่เมิ่งซีค่อยๆ ลึกล้ำขึ้น เขามีความสุขกับการปรนนิบัติอย่างอ่อนโยนนี้มาก และอยากให้ความอ่อนโยนเช่นนี้อยู่ข้างกายตน แต่เมื่อคิดถึงการกระทำในวันนี้ของนางและเสียงเล่าลือตามท้องถนนแล้วก็รู้สึกไม่สบายใจ เขาเซียวจวิ้นทำสิ่งใดล้วนทำตามความคิดของตนเอง เขาจะเก็บสตรีนิสัยเอาแต่ใจอย่างร้ายกาจ ทั้งไม่สำรวมแม้สักขณะเดียวไว้ข้างกายได้เช่นไร ชั่วขณะหนึ่งที่เขาไม่รู้ว่าจะจัดการกับนางเช่นไรดี
“คุณชายรอง วันนี้ข้าภรรยาจัดเก็บเรือนปีกตะวันออก อยากทำเป็นห้องหนังสือเล็กๆ เวลาว่างข้าภรรยาจะได้ไปอ่านตำรา คัดอักษรได้บ้าง” หลี่เมิ่งซีเห็นเซียวจวิ้นเอนกายอย่างสบายใจ สีหน้าอ่อนโยนลงไม่น้อย นางจึงถือโอกาสนี้พูดเรื่องเรือนปีกตะวันออกกับเขา
“อืม รู้แล้ว” นานทีเดียว เสียงของเซียวจวิ้นจึงเหมือนลอยมาจากปลายเมฆ
เช้าวันต่อมา ตอนที่หลี่เมิ่งซีตื่น เซียวจวิ้นยังหลับสนิทอยู่ คิดว่าคงเป็นผลจากการแช่เท้าในน้ำสมุนไพรและการนวดเมื่อคืน หลี่เมิ่งซีลงจากเตียงเงียบๆ เปิดประตูเดินออกจากห้องนอน หงอวี้ หงจูรีบก้าวขึ้นมา ทั้งจะเข้ามาปรนนิบัติในห้อง หลี่เมิ่งซีจึงวางมือที่ริมฝีปากส่งสัญญาณบอกว่าคุณชายรองยังหลับสนิท นางออกไปที่ห้องด้านนอกให้หงจูปรนนิบัติล้างหน้า สั่งให้หงอวี้เฝ้าอยู่หน้าประตูรอจนกว่าคุณชายรองจะตื่น จากนั้นก็ไปห้องครัวเล็กกับหงจู
เห็นอวี้จู๋ กับหน่อไม้ที่ห้องครัวเพิ่งซื้อเข้ามา ของพวกนี้ล้วนเป็นพืชทางใต้ สมัยโบราณการคมนาคมไม่สะดวก อยู่ทางเหนือน้อยนักที่จะได้กินของพวกนี้ มีแต่สกุลใหญ่อย่างสกุลเซียวเท่านั้นที่มีโอกาสได้กินเป็นบางครั้ง ของเหล่านี้ในเมืองผิงหยางล้วนเป็นของหายาก เห็นแม่ครัวยืนถืออยู่ตรงนั้น ขบคิดอยู่นานก็ไม่รู้จะลงมือเช่นไร หลี่เมิ่งซีรู้สึกคันไม้คันมือจึงลงมือสั่งการ
นางสั่งให้แม่ครัวหั่นเต้าหู้เป็นแผ่นใหญ่ ทอดด้วยน้ำมันที่ร้อนเจ็ดส่วนจนเป็นสีเหลืองทอง จากนั้นจึงหั่นเห็ดกระดุมที่ล้างสะอาดแล้วเป็นสองกลีบ นำไปลวกในน้ำเดือดจัดพร้อมหน่อไม้
เสร็จแล้วก็ใช้กระทะผัดต้นหอมกับกระเทียมจนหอม เติมซีอิ๊ว สุราสำหรับทำอาหาร น้ำตาลทรายขาว และน้ำลงไป รอจนเดือดแล้วค่อยใส่เห็ดกระดุมกับหน่อไม้ที่ลวกแล้วลงไปผัด สุดท้ายจึงเติมเต้าหู้แผ่นลงไป รอให้เดือดแล้วเปลี่ยนเป็นใช้ไฟอ่อนอบให้เข้ารส ก่อนตักขึ้นมาก็เทน้ำผสมแป้งมันเจือจางลงไป เหยาะน้ำมันงาอีกเล็กน้อยก็ได้เต้าหู้สามสหายรสอร่อยกลิ่นหอมฉุยออกมาแล้ว
หลี่เมิ่งซีให้แม่ครัวเป็นลูกมือ โดยใช้อวี้จู๋ตุ๋นเนื้อออกมาอีกจานหนึ่ง
พออาหารเสร็จก็ให้หงจูกับแม่ครัวชิมดูก่อน ไม่พูดถึงแม่ครัวที่ชิมอาหารของหลี่เมิ่งซีแล้วดวงตาเปล่งประกายเพียงใด เอาแค่หงจูคนเดียวชิมแล้วไม่เพียงอุทานว่าฝีมือของสะใภ้รองยอดเยี่ยม ยังบอกว่าตนไม่เคยกินอาหารรสอร่อยเช่นนี้มาก่อน ด่าผู้ดูแลในครัวว่าไม่ตั้งใจทำงาน สิ่งที่ทำออกมาล้วนไม่ใช่อาหาร จนกระทั่งหงจูเห็นสายตาอาฆาตของแม่ครัวสองคนจึงนึกขึ้นได้ว่าตนกำลังด่าพวกนางด้วย หงจูรีบปิดปากทันที