ทดลองอ่าน
ทดลองอ่าน ยอดหญิงเทพสมุนไพร เล่ม 5 บทที่ 5
หลี่เมิ่งซีรู้ว่าสิ่งที่ตนพูดซับซ้อนเกินไป ไม่แน่ว่ารัชทายาทจะเข้าใจ นางจึงเลือกเฉพาะประเด็นสำคัญ อธิบายคร่าวๆ ว่าจะควบคุมการแพร่ระบาดของโรคอย่างไร สุดท้ายจึงเอ่ยว่า “กำลังของน้องสาวคนเดียวมีจำกัด มีเพียงใช้อำนาจในมือพี่ใหญ่โยกย้ายกำลังทั้งหมดในต้าฉี จึงจะเอาชนะภัยพิบัติครั้งใหญ่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในครั้งนี้ได้”
หลี่เมิ่งซีพูดจบ ซั่งกวนหงฮุยเงียบไปนาน ก่อนเงยหน้าพูด “ซีเอ๋อร์พูดมีเหตุผล ต้องให้ข้าโยกย้ายกำลังส่วนใดบ้าง ทำอย่างไร ซีเอ๋อร์วางแผนไว้แล้วหรือยัง”
“ตามความเห็นของน้องสาว สองวันนี้พี่ใหญ่ยังไม่ต้องรีบร้อนออกเดินทางหรอก ท่านควรโยกย้ายกำลังและวางแผนรับมือก่อน สองวันนี้น้องสาวกำลังเขียนแผนการ หลักใหญ่ใจความคือพี่ใหญ่ต้องทูลขอฮ่องเต้ให้ออกราชโองการ ข้อแรกโยกย้ายกองทหารในท้องถิ่น ให้พวกเขาตัดการคมนาคมระหว่างเขตโรคระบาดและเขตปลอดโรคระบาด แยกคนป่วยและคนที่ต้องสงสัยว่าป่วยออกจากกัน เผาศพคนตาย ทำความสะอาดเขตโรคระบาดอย่างเข้มงวดเพื่อควบคุมการแพร่กระจายของโรค ข้อสองประกาศใช้ ‘กฎหมายป้องกันโรคระบาด’ ข้อสามโยกย้ายกำลังจากโรงแพทย์และร้านยาทั่วทั้งต้าฉี เกณฑ์หมอชุดใหญ่เดินทางลงใต้เพื่อรักษาโรคระบาดครั้งนี้ ข้อสี่ยังต้องผลิตชุดป้องกันอีกจำนวนมาก เตรียมความพร้อมให้หมอและทหารที่จะเดินทางลงใต้ ป้องกันไม่ให้พวกเขาติดโรคระหว่างการช่วยเหลือและอยู่ในเขตกักกันโรค ข้อห้าพี่ใหญ่ต้องสร้างช่องทางการสื่อสารอย่างเร่งด่วน เพื่อที่ว่าระหว่างเดินทางจากเหนือลงใต้ พี่ใหญ่กับน้องสาวจะได้รู้สถานการณ์ทางใต้ได้อย่างทันท่วงที สามารถปรับเปลี่ยนกลยุทธ์รับมือได้ทันการณ์ และควบคุมสถานการณ์เอาไว้ได้ รอให้จัดการเรื่องพวกนี้เสร็จเรียบร้อยแล้ว พี่ใหญ่กับน้องสาวค่อยออกเดินทางลงใต้รักษาโรคระบาดก็ยังไม่สาย”
หลี่เมิ่งซีอาศัยประสบการณ์จากโรคซาร์สในชาติก่อนและสิ่งที่ตนเองเล่าเรียนมาบอกแก่รัชทายาทว่าต้องควบคุมสถานการณ์ในภาพรวมให้ได้ก่อน จากนั้นค่อยทำการรักษาและป้องกันโรคระบาด รัชทายาทรับฟังอย่างตั้งใจ ฟังพลางผงกศีรษะไปด้วย ฟังจบก็ซักถามเล็กน้อย เช่นอะไรคือเขตโรคระบาด คนที่ต้องสงสัยว่าป่วย การกักกันผู้ป่วย และชุดป้องกัน เป็นต้น
หลี่เมิ่งซีถูกถามจนเหงื่อเย็นไหลไม่หยุด ดูเหมือนพวกนี้ล้วนเป็นคำศัพท์ในยุคปัจจุบันทั้งสิ้น ด้วยความร้อนใจนางจึงพูดออกมาหมด รัชทายาทคงไม่คิดว่านางเป็นปีศาจกระมัง หลี่เมิ่งซีแสร้งวางตัวสุขุมและอธิบายให้เขาฟังทีละข้อ
ซั่งกวนหงฮุยขบคิดอยู่นาน สุดท้ายจึงเอ่ยว่า “สิ่งที่ซีเอ๋อร์พูด แม้บางอย่างข้ายังไม่เข้าใจนัก แต่ใจความหลักข้าเข้าใจแล้ว ช่างเป็นคำพูดที่ล้ำค่ายิ่ง คำพูดในวันนี้ของซีเอ๋อร์ทำให้ก้อนหินที่กดทับจิตใจข้าอยู่ถูกยกออกไปครึ่งหนึ่ง รู้สึกอนาคตสว่างไสวขึ้นมาก ชีวิตนี้ข้าโชคดีจริงๆ ที่ได้รับความช่วยเหลือจากซีเอ๋อร์ท่ามกลางวิกฤตเช่นนี้ ไม่ต่างจากปลาได้น้ำเลย เมื่อมีเจ้าวิกฤตครั้งนี้ย่อมคลี่คลายลงได้ ราษฎรทั่วหล้าย่อมปลอดภัยแล้ว ซีเอ๋อร์ ข้า…”
พูดถึงตรงนี้ซั่งกวนหงฮุยพลันชะงัก เรื่องบางอย่างหากพูดออกมาเวลานี้ดูจะบุ่มบ่ามเกินไปหน่อยแล้ว
น่าละอายยิ่งนัก! นางแค่ยืมประสบการณ์จากชาติก่อนมาใช้เท่านั้น ไฉนจึงกลายเป็นช่วยเหลือราษฎรทั่วหล้าไปได้ เห็นทีแม้จะเป็นถึงรัชทายาท แต่ในยามต้องการใช้คนก็ประจบสอพลอเก่งไม่เบาเลย
ฟังคำพูดเกินจริงของรัชทายาทแล้วหลี่เมิ่งซีก็หน้าแดงเล็กน้อย นางรีบปฏิเสธว่า “พี่ใหญ่กล่าวชมเกินไปแล้ว เดิมทีน้องสาวเป็นเพียงสตรีในห้องหับ นอกจากวิชาแพทย์แล้วก็ไม่มีความรู้ความสามารถด้านอื่นอีก ได้รับคำชื่นชมจากฮ่องเต้และพี่ใหญ่ในยามที่บ้านเมืองคับขันเช่นนี้ ได้ใช้กำลังอันน้อยนิดของตนเองช่วยเหลือบ้านเมือง นับเป็นเกียรติอย่างสูงของข้าแล้ว วันหน้าพี่ใหญ่อย่าได้พูดเช่นนี้อีกเป็นอันขาด”
ซั่งกวนหงฮุยยิ้มพลางส่ายหน้าแล้วพูดต่อ “เมื่อครู่ที่ซีเอ๋อร์พูดล้วนเป็นการ ‘ป้องกัน’ แล้วมีตำรับยาสำหรับ ‘รักษา’ บ้างหรือไม่ อีกอย่างคือการประกาศใช้ ‘กฎหมายป้องกันโรคระบาด’ ซีเอ๋อร์บอกหลักใหญ่ใจความออกมาได้หรือไม่ ข้าจะนำไปพิจารณาหารือร่วมกับหมอหลวงทั้งหลายในสำนักแพทย์หลวง จะได้เพิ่มเติมและปรับแก้ในรายละเอียด จากนั้นยื่นเรื่องให้เสด็จพ่อ ยังมี ‘ชุดป้องกัน’ ที่ซีเอ๋อร์พูดถึงอีก ข้าจินตนาการไม่ออกเลยว่าลักษณะของชุดป้องกันเป็นอย่างไร ไม่รู้ว่าควรสั่งให้คนผลิตออกมาอย่างไร”
“วันก่อนน้องสาวลองปรุงยาออกมาหลายตำรับ แม้มิอาจรักษาโรคได้ทั้งหมด แต่ก็สามารถควบคุมโรคได้ น้องสาวให้หลี่ตู้ใช้พิราบสื่อสารส่งไปยังร้านสาขาทางใต้ให้พวกเขาลองใช้ตำรับยานี้ดูแล้ว รอให้ทางโน้นส่งข่าวกลับมาค่อยศึกษาและปรับแก้กันอีกครั้ง สองวันนี้น้องสาว หลี่ตู้ และโอวหยางตี๋ยังเตรียมโยกย้ายยาจากร้านสาขาต่างๆ ส่งไปทางใต้เพื่อช่วยบรรเทาโรคระบาดด้วย ส่วน ‘กฎหมายป้องกันโรคระบาด’ เมื่อวานข้าร่างเค้าโครงไว้แล้ว เดี๋ยวเพิ่มเติมอีกนิดหน่อยแล้วค่อยมอบให้พี่ใหญ่ แต่พี่ใหญ่จะมอบให้ฮ่องเต้ตอนนี้ไม่ได้เป็นอันขาด ทางที่ดีที่สุดคือแสร้งทำเหมือนว่านี่เป็นเอกสารด่วนที่ส่งมาจากทางใต้และมอบให้ฮ่องเต้ หาไม่แล้วฮ่องเต้จะทรงสงสัยว่าน้องสาวอยู่ข้างกายท่านได้”
“ซีเอ๋อร์คิดการณ์รอบคอบยิ่งนัก เป็นข้าที่สะเพร่าไป ข้าจะให้หลี่จั้นเตรียมการเรื่องนี้ทันที ให้รีบร่างหนังสือกราบทูล”
ฮึ! หากข้าไม่คิดการณ์อย่างรอบคอบ เกรงว่าคงถูกประหารทั้งตระกูลไปแล้ว คนที่ต้องโทษหลอกลวงเบื้องสูงไม่ใช่เจ้านี่ พูดเช่นนี้ขาดความรับผิดชอบเกินไปแล้วกระมัง ฟังคำพูดนี้แล้วหลี่เมิ่งซีรู้สึกไม่พอใจทีเดียว แต่ถึงอย่างไรอีกฝ่ายก็เป็นโอรสของฮ่องเต้ นางมิอาจบ่นได้
หลี่เมิ่งซีจิบน้ำชาคำหนึ่ง ก่อนจะอธิบายลักษณะและประโยชน์ของชุดป้องกันให้รัชทายาทฟัง รัชทายาทฟังแล้วตื่นเต้นเป็นพิเศษ หารือกับนางต่อว่าจะเขียนหนังสือกราบทูลอย่างไร ส่งข่าวอย่างไร ตลอดจนรายละเอียดในการเตรียมการเดินทางลงใต้ ภาษิตว่าสามหกเก้าเป็นวันที่เหมาะสมในการออกเดินทาง สุดท้ายทั้งสองจึงกำหนดวันออกเดินทางเป็นวันที่สิบเก้าเดือนแปด ตกลงเรียบร้อยรัชทายาทจึงลุกขึ้นขอตัว แล้วแยกย้ายกันไปจัดการงานของตนเอง
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 21 มิ.ย. 62