หลินฟางโจวอยู่ที่ลานพนันทั้งวันแล้วก็ออกมา เมื่อมองเห็นดวงอาทิตย์คล้อยต่ำลงทางตะวันตกนางก็ลูบท้อง ท้องของนางยามนี้ร้องครวญครางด้วยความหิวโหยจนยากจะทนไหวแล้ว
เณรน้อยรูปหนึ่งถือบาตรเดินผ่านมาตรงหน้า หลินฟางโจวจึงเอ่ยเรียก “เณรน้อย!”
“ประสกมีอะไรจะชี้แนะอาตมาหรือ”
“ข้าได้ยินคนพุทธกล่าวกันว่าช่วยชีวิตหนึ่งชีวิตได้บุญมากกว่าสร้างเจดีย์เจ็ดชั้น วันนี้ข้าหิวจะตายอยู่แล้ว ท่านให้เงินข้าไปซื้อโจ๊กสักชามได้หรือไม่”
แต่ไหนแต่ไรมายามที่เณรน้อยบิณฑบาตล้วนแต่เป็นผู้อื่นมอบเงินให้เขา วันนี้นับเป็นครั้งแรกที่เขาเจอคนมาเอ่ยขอเงินก่อน ความหน้าไม่อายของอีกฝ่ายทำให้เณรน้อยตกใจอยู่ชั่วครู่จนไม่สามารถตอบอะไรออกไปได้
หลินฟางโจวยังคงเอ่ยต่อ “ไม่ให้ก็ช่างเถอะ เช่นนั้นข้าก็คงจะหิวตายอยู่บนถนนนี้ ถูกสุนัขจรจัดกินเป็นอาหารก็ช่างเถอะ!”
สุดท้ายเณรน้อยก็ใจอ่อน เขาหยิบเงินออกมาจากบาตรหนึ่งอีแปะพร้อมกับเอ่ย “เป็นเพราะกุศลของอาตมาตื้นเขิน วันนี้จึงบิณฑบาตได้มาเพียงหนึ่งอีแปะ หากประสกต้องการก็นำไปเถอะ”
หลินฟางโจวรับเงินมาพลางพูด “ขอบคุณเณรน้อยมาก! ไว้วันหน้าข้าร่ำรวยขึ้นมา ข้าจะเลี้ยงไก่ย่างท่านนะ!”
สีหน้าเณรน้อยออกอาการตื่นตะลึง เขารีบร้อนเอ่ย “เป็นบาปแล้วๆ”
หลินฟางโจวใช้เงินหนึ่งอีแปะนี้ซื้อโจ๊กมาหนึ่งชาม นางยกซดเข้าไปครึ่งชามในอึดใจเดียว ที่เหลืออีกครึ่งชามนั้นนางยังไม่ได้กิน ด้วยนึกไปถึงใบหน้าขาวซีดของคนที่นอนอยู่ในบ้านตนเอง
ชิชะ! ว่ากันว่าความคับแค้นใจของผีที่ตายด้วยความหิวโหยนั้นรุนแรงที่สุดแล้ว
นางตบโต๊ะ “เสี่ยวเอ้อร์!”
“มาแล้ว!” เสี่ยวเอ้อร์วิ่งมา “ต้าหลาง ท่านจะสั่งอะไรอีกหรือ”
“ให้ข้ายืมกล่องใส่อาหารสักกล่องสิ”
สีหน้าเสี่ยวเอ้อร์เปลี่ยนไปทันที เขาเอ่ยหยอกเย้า “สั่งโจ๊กหนึ่งชามยังต้องใช้กล่องใส่อาหารด้วยหรือ ลูกค้าช่างฟุ่มเฟือยยิ่งนัก”
“เสี่ยวเอ้อร์! วันนี้ข้าไม่ว่างมาทะเลาะกับเจ้าหรอกนะ รีบไปเอากล่องใส่อาหารมาเร็วเข้า ไม่เช่นนั้นก็ไม่ต้องทำมาค้าขายอะไรแล้ว”
เสี่ยวเอ้อร์ไม่กล้าทำให้อันธพาลเช่นนี้โมโหจริงๆ สุดท้ายคนเท้าเปล่าไม่กลัวคนสวมรองเท้า เขาไปเอากล่องใส่อาหารมาให้หลินฟางโจว แล้วกำชับนางซ้ำๆ ให้เอามาคืนตรงเวลาด้วยและไม่ให้ทำพัง…หลินฟางโจวเทโจ๊กที่เหลืออยู่ครึ่งชามลงในกล่องใส่อาหาร จากนั้นก็เดินถือจากไป
ต้องเป็นเพราะเจ้านั่นยากจนถึงขนาดไม่มีเงินจะกินข้าวเป็นแน่ โจ๊กชามเดียวยังต้องเก็บอีกครึ่งไว้กินพรุ่งนี้เช้าอีก…เสี่ยวเอ้อร์คิดว่าตนเองมองความจริงทะลุปรุโปร่งแล้ว
หลินฟางโจวถือกล่องใส่อาหารที่มีโจ๊กอีกครึ่งชามอยู่ในนั้นกลับมาบ้าน เพราะขี้เกียจค้นหาช้อนนางจึงใช้มือข้างหนึ่งบีบแก้มของเด็กน้อยเพื่อบังคับให้เขาอ้าปาก ส่วนมืออีกข้างก็ถือกล่องกรอกโจ๊กใส่ปากให้เขา กรอกเพียงไม่กี่ครั้งโจ๊กทั้งหมดก็ไหลลงไปอยู่ในท้องเขา
ไม่สำลักตายในทันทีก็ถือว่าปาฏิหาริย์มากแล้ว
หลังจากนั้นหลินฟางโจวก็เข้านอน ยังคงเป็นค่ำคืนที่นอนหลับฝันดีอยู่หรือไม่นั้นนางไม่ขอพูดถึงแล้วกัน
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 3 ธ.ค. 62