ฤดูกาลเปลี่ยนผัน โดยไม่ทันรู้ตัวเวลาก็ผ่านไปหกปีแล้ว
ปีนี้หลินฟางโจวอายุยี่สิบสาม ตอนที่นางอายุสิบเจ็ดสิบแปดปีก็พอมีคนมาทาบทามเป็นแม่สื่อให้กับนางบ้างเป็นครั้งคราว ทว่าหลังจากนั้นนางมักจะไปหยอกเย้ากับเหล่าสตรีงามทั้งหลาย ชื่อเสียงจึงค่อยๆ ถูกเล่าลือออกไป ในที่สุดแม้แต่พวกแม่สื่อก็พร้อมใจกันเมินเฉยนางไปด้วย
มีคนบอกว่าหลินฟางโจวสมควรถูกเมินเฉยแล้ว เกี่ยวกับเรื่องนี้นั้นหลินฟางโจวกลับพอใจเป็นอย่างยิ่ง
หลินฟางโจวมักจะควบคุมปากของตนเองไม่ได้ บางครั้งเสี่ยวหยวนเป่าก็พูดเรื่องนี้กับนาง แต่น่าเสียดายที่นางเป็น ‘พี่ชาย’ ของเขา ดังคำกล่าวที่ว่า ‘พี่ชายประดุจบิดา’ เสี่ยวหยวนเป่าจึงไม่อาจทำอะไรนางได้
เสี่ยวหยวนเป่าเองก็เปลี่ยนไปมาก แต่ก่อนเขาดูตัวเล็กๆ ผอมๆ เหมือนกับเป็ดป่า หกปีที่ผ่านมานี้ราวกับเขาได้กลายเป็นข้าวฟ่างซึ่งผ่านฝนที่ตกต้องตามฤดูกาล พอถึงเวลาเก็บเกี่ยวก็เติบโตงอกงามจนเป็นที่น่าพอใจ ตอนนี้ความสูงของเขาพุ่งพรวดจนสูงกว่าหลินฟางโจวไปมากแล้ว
เมื่อก่อนหลินฟางโจวยังดึงหูเสี่ยวหยวนเป่าเพื่อสั่งสอนเขาได้อยู่เลย ทว่ายามนี้นางกลับทำได้เพียงแหงนหน้าพูดคุยกับเขา หากนางอยากจะดึงหูเขาสักครั้งยังต้องให้เขาก้มตัวลงมา นี่ทำให้นางรู้สึกว่าตนเองค่อนข้าง… เฮ้อ ความสง่าผ่าเผยของข้าต่ำเตี้ยเรี่ยดินแล้ว
หวังต้าเตาบอกว่าเหตุผลที่รูปร่างของเสี่ยวหยวนเป่าสูงได้เพียงนี้เป็นเพราะเขายังคงวิ่งทุกวัน ฝึกการต่อสู้ และสร้างความแข็งแกร่งให้ร่างกายอย่างสม่ำเสมอ นอกจากนี้หวังต้าเตายังชี้แนะหลินฟางโจวอย่างจริงใจว่าให้ทำเช่นเดียวกัน
หลินฟางโจวเป็นคนขี้เกียจ หลังจากอดทนได้ไม่นานนางก็ตะโกนว่าเหนื่อยออกมาคำหนึ่ง แล้วก็เลิกล้มไปง่ายๆ ตั้งแต่วันนั้น
มีบางครั้งที่นางรู้สึกนับถือเสี่ยวหยวนเป่ามาก เมื่อเขาบอกว่าจะทำก็ทำทันที บอกว่าจะทำมากเพียงใดเขาก็ทำได้ตามนั้น ไม่เคยพยายามหลบเลี่ยงหรือแอบขี้เกียจเลยสักนิด แม้จะเหนื่อยแทบตายแล้วเขาก็ยังกัดฟันพยายามจนสุดกำลัง
หลินฟางโจวยอมรับว่าตนเองทำไม่ได้ ไม่เพียงนางที่ทำไม่ได้ แม้แต่คนส่วนใหญ่ในใต้หล้านี้ต่างก็ทำไม่ได้เช่นเขา
เสี่ยวหยวนเป่าไม่เพียงเรียนการใช้ดาบที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษของหวังต้าเตาเท่านั้น เขายังฝึกใช้อาวุธลับกับผู้คุ้มกันชื่อดังคนหนึ่งในที่ว่าการ เขาเรียนมาแล้วสามปี การต่อสู้โดยใช้อาวุธลับนั้นมีรูปแบบเฉพาะตัว หลังจากผู้คุ้มกันคนนั้นสอนแล้วก็เอ่ยชมเสี่ยวหยวนเป่าไม่ขาดปาก และมักจะขอร้องให้เขาไปส่งของกับตน
เสี่ยวหยวนเป่าเป็นผู้ที่มีความสามารถทั้งบู๊และบุ๋น ความฉลาดและความกล้าหาญล้วนมีครบครัน เขาถือเป็นความภาคภูมิใจของสกุลหลินโดยแท้
ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของหลินฟางโจวก็คือการได้เลี้ยงดูเสี่ยวหยวนเป่า
เทศกาลชิงหมิง* เพิ่งผ่านพ้นไป อากาศค่อยๆ อบอุ่นขึ้น หลินฟางโจวกินอาหารเช้าเสร็จก็ย้ายโต๊ะเก้าอี้ออกมาตากแดดข้างนอก เมื่อวานฝนตกลงมา อากาศวันนี้จึงชุ่มชื้นและสดชื่น ท้องฟ้าเป็นสีฟ้าคราม มองแล้วทำให้คนรู้สึกมีความสุขขึ้นมา
นางนั่งบนเก้าอี้อย่างเกียจคร้านและแทะเมล็ดแตงกินไปด้วย ขณะเดียวกันก็มองเสี่ยวหยวนเป่าซึ่งกำลังฝึกอาวุธลับอยู่ไม่ไกลด้วย
วันนี้เป็นวันหยุดพักผ่อน นางไม่ต้องไปทำงาน เสี่ยวหยวนเป่าก็ไม่ต้องไปเรียน ตอนนี้เขาขว้างอาวุธลับไปที่ต้นไม้ซึ่ง ‘แม่นเหมือนจับวาง’ หลินฟางโจวมองวิธีการปล่อยอาวุธลับของเขาไม่ออก นางรู้แค่ว่านกบนต้นไม้ต้นนั้นต่างตื่นตกใจเพราะเขาจนบินหนีไปหมดแล้ว