บทที่ 2
หรูฉิงและหรูอี้ตกใจจนหน้าซีดเผือด ร่างกายโงนเงนยืนแทบไม่มั่น
อวี๋เสี่ยวเถาใช้พวกนางเป็นการเตือนต้วนฉางยวนว่าอย่าคิดเล่นเล่ห์ นางมิได้โง่
เห็นว่าสาวใช้ทั้งสองนางซวนเซถอยกรูดออกจากห้อง อวี๋เสี่ยวเถาก็คิดในใจว่าต่อไปเจ้านายน่าจะปรากฏตัวได้แล้วสินะ!
นางนั่งรอคอยอยู่บนเตียงตามลำพัง เปลวไฟจากเทียนเล่มแดงบนโต๊ะลุกโชนอย่างเงียบงัน แสงเทียนสาดส่องเงาร่างของนางทาบทาลงบนผนัง ยิ่งดูหงอยเหงาเปล่าเปลี่ยวอับจนหนทาง
อวี๋เสี่ยวเถาหลับตา เพ่งสมาธิไปที่การได้ยินและรับกลิ่น แม้ว่าวรยุทธ์นางจะถูกสกัด ทว่าประสาทรับรู้ทั้งหก* ยังคงอยู่
อีกเพียงสองวันก็เป็นคืนพระจันทร์เต็มดวงแล้ว ก่อนถึงยามนั้นนางต้องเข้าหอกับต้วนฉางยวนให้จงได้ ไม่เช่นนั้นยามพระจันทร์เต็มดวง พิษกำเริบ นางคงมอดม้วยไปท่ามกลางความทุกข์ทรมาน
คนอย่างนาง ดูจากภายนอกแล้วช่างอ่อนแอ แต่มีใจที่เข้มแข็งเด็ดเดี่ยว
ก่อนตัดสินใจกระทำการใด นางครุ่นคิดร้อยตลบ ตรึกตรองจนทะลุปรุโปร่ง เมื่อตัดสินใจแล้วว่าจะกระทำก็มุ่งไปเบื้องหน้าอย่างกล้าหาญ ต่อให้รถเทียมม้าแปดตัวยังฉุดให้หันกลับมิได้ ในเมื่อตัดสินใจเข้าพบต้วนฉางยวนเพื่อให้ช่วยถอนพิษในร่างของนาง ข่มขู่ก็ดี หลอกล่อด้วยผลประโยชน์ก็แล้ว ถึงต้องพลีพรหมจรรย์ให้ นางก็ไม่เสียดายแม้เพียงนิด
บัดนี้ เสียงฝีเท้าดังแว่วมาจากภายนอก เป็นเสียงฝีเท้าของบุรุษผู้นั้น ฝีเท้าที่มั่นคงทุกย่างก้าวประหนึ่งกำลังย่ำเหยียบลงบนหัวใจของนาง หัวใจนางเต้นไม่เป็นจังหวะ อดเครียดขมึงขึ้นมามิได้
ประตูถูกผลักเปิดออก จากนั้นเสียงย่ำฝีเท้าตามมา ม่านลูกปัดภายในห้องถูกแหวกขึ้น เงาร่างสูงใหญ่นั้นปรากฏ ยืนตระหง่านอยู่ตรงนั้นเมื่อมองมาทางนาง ดวงตาของนางเงยขึ้นสบเข้ากับสายตาของอีกฝ่าย
ต้วนฉางยวนมาถึงแล้ว แสงราตรีสาดส่องเพิ่มความลึกลับให้ร่างของเขา ทว่ากลิ่นอายที่ฟุ้งกำจายออกมากลับเย็นเยียบดุดัน เพียงยืนอยู่ที่นั่นก็บังเกิดอานุภาพและความกดดันครอบคลุมข้ามมา
ชุดเจ้าสาวของนางปลดเปลื้องออกแล้ว สวมเพียงเสื้อตัวบนหลวมกว้าง ส่วนเขามิได้สวมเสื้อคลุมของเจ้าบ่าว นางไม่แปลกใจเลยสักนิด ภายในห้องไร้บรรยากาศมงคลของการแต่งภรรยา ทว่าอวลด้วยบรรยากาศตึงเครียดก่อนอาวุธปะทะกัน
สายตาเยียบเย็นของต้วนฉางยวนจ้องนางเขม็ง ความเย็นชาเหินห่างบนใบหน้าแสดงถึงความเป็นศัตรูอย่างเห็นได้ชัด
เขาไม่เอ่ย นางก็ไม่กล่าว ทั้งสองเผชิญสายตา ดวงตาทั้งสี่จ้องตอบกันไปมา
ช่างเป็นบุรุษประเสริฐโดดเด่นไม่ธรรมดากระไรเช่นนี้! ต่อให้จ้องนางจนตาถลน แต่มิอาจปิดบังอานุภาพที่ทำให้สตรีทั้งหลายหน้าแดงซ่านด้วยความขวยอายได้ นางแอบยินดีที่คลุมผ้าโปร่งบางไว้ชั้นหนึ่งบนใบหน้า
ชั่วครู่หลังจากนั้น ต้วนฉางยวนค่อยๆ เยื้องย่างมาเบื้องหน้า เอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มหนักว่า “ข้ารับเจ้าเป็นอนุภรรยาแล้ว ยารักษาที่ตกลงกันไว้เล่า”
นางสูดหายใจเข้าลึกๆ เฮือกหนึ่ง พยายามสงบใจ “หลังผ่านคืนนี้ไปแล้ว ข้าจะมอบยารักษาให้เอง”
ความหมายก็คือ…เอ่อ…อยากได้ยารักษาโรคประหลาดให้น้องสาวท่าน ร่วมหอกับข้าก่อนค่อยว่ากัน
* ประสาทรับรู้ทั้งหก ในที่นี้คือการรับรู้ผ่านตา หู จมูก ลิ้น กาย และสมอง