เด็กหญิงรัตน์สิกานั่งนิ่งมองความเป็นไปเหล่านั้นอย่างชินชา เธอไม่ได้แปลกใจนักและยังชมชอบในตอนที่พ่อปู่อัคนิรุทรช่วยเหลือคนมากกว่า องค์เทพที่ใช้ร่างของนางแสงเอ้ยในการสะสมบุญบารมีนั้นมีชื่อเสียงในด้านการรักษาคน ในตำหนักของพ่อปู่อัคนิรุทรจึงเต็มไปด้วยพืชสมุนไพร ซึ่งทุกครั้งที่เธอและพ่อแม่กลับมาเยี่ยมปู่กับย่าก็มักจะมาเป็นลูกมือช่วยเสมอ เพราะหากพ่อปู่ช่วยเหลือใครได้ ย่าของเธอที่เป็นร่างทรงก็จะได้บุญด้วยเช่นเดียวกัน เด็กหญิงจึงคิดว่าอยากขอแบ่งบุญมาบ้างสักนิดก็ยังดี
รัตน์สิกายังจำได้ดีในตอนที่มีคนป่วยบางคนมาขอให้ช่วยเหลือ พ่อปู่ก็บอกไปตามตรงว่าคนคนนั้นเป็นโรคภัยไข้เจ็บที่ต้องให้หมอสมัยใหม่รักษาเท่านั้น ในสายตาของเธอจึงมีทั้งความรักและเคารพต่อพ่อปู่อัคนิรุทร…แต่พอโตขึ้นมาเธอก็ไม่ค่อยได้กลับไปร่วมงานไหว้ครูสักเท่าไหร่ โดยเฉพาะหลังจากเข้าเรียนในระดับมหาวิทยาลัยแล้วก็ไม่ได้ไปอีกเลย
หญิงสาวหยุดความคิด หวนกลับมาสู่โลกปัจจุบันแล้วถอนหายใจแผ่วเบา ไม่รู้เพราะเหตุใดถ้อยคำเทศนาของพระอาจารย์มนูยังสะท้อนก้องอยู่ในหัว ภาพของวัดกลางป่าพร้อมความรู้สึกสงบสุขเลื่อนมากลบภาพของงานสังสรรค์จนมิด…
สถานที่นั้นต่างหากคือคำตอบที่แท้จริง
ร่างบางปิดอัลบั้มรูปแล้วเก็บไว้ที่ชั้นตามเดิม หลังจากนั้นก็ทิ้งตัวลงบนเตียงเพราะจู่ๆ ความอ่อนระโหยโรยแรงก็เข้ามาจู่โจม บอกกับตัวเองว่าคงเป็นเพราะอิ่มมากเกินไปจนเกิดอาการหนังท้องตึงหนังตาก็เริ่มหย่อน…
ไฟในห้องทุกดวงถูกปิดลงแล้ว รอบกายจึงมีเพียงความมืดสลัว สายตามองเห็นเงาตะคุ่มของเครื่องเรือนในห้อง…มืดมัว…ทึมเทา…จนรู้สึกหลอนตัวเองนิดๆ ทั้งที่เป็นบ้านที่เธออยู่มาตั้งแต่เกิด เธอหลับตาลงด้วยความรู้สึกง่วงงุนแต่กลับนอนไม่หลับจึงพลิกตัวไปมาอย่างกระสับกระส่าย ร้อนรุ่มไปทั้งตัวในขณะที่เครื่องปรับอากาศในห้องส่งเสียงดังหึ่งๆ บ่งบอกถึงการทำงานอย่างหนักหน่วง
หญิงสาวพยายามกำหนดลมหายใจบริกรรมพุทโธๆ เหมือนอย่างที่มักจะทำอยู่เสมอเวลานอนไม่หลับ ความสนใจอยู่ที่ลมหายใจของตนทว่าในหูกลับได้ยินเสียงบางอย่าง…เสียงกระซิบกระซาบเหมือนมีคนมาพูดอยู่ริมหูนี่เอง แต่ถึงกระนั้นกลับไม่อาจจำแนกได้ว่าเป็นเสียงอย่างไรและมีถ้อยคำเช่นใด เธอละความสนใจจากจังหวะลมหายใจเข้าออก พยายามเงี่ยหูฟังเพื่อจับใจความแต่ก็ไร้ประโยชน์
พักหนึ่งจึงนึกขึ้นมาได้ว่า…จะมีเสียงอะไรได้ล่ะ มันไม่ได้ดังแว่วมาจากภายนอก เพราะคล้ายจะอยู่ริมหูเธอนี่เอง แต่ยามตั้งใจฟังก็ราวกับจะอยู่ห่างไปไกลแสนไกล
โคมไฟในห้องถูกกดเปิด แสงสว่างสีเหลืองนวลกระจายไปทั่วห้อง รัตน์สิกาลุกนั่งแล้วกวาดสายตาไปรอบๆ พบว่าเสียงนั้นได้เงียบหายไปแล้ว จึงเดินไปเปิดม่านหน้าต่างพลางตั้งใจฟังเสียงภายนอกซึ่งก็มีเพียงความเงียบเป็นคำตอบ
ร่างบางถอนหายใจแล้วเดินกลับมานอนตามเดิม
สงสัยจะหูแว่ว…
เพียงไม่นานหลังจากนั้นหญิงสาวก็สามารถเข้าสู่ห้วงนิทรา แม้จะรู้สึกเหนื่อยแค่ไหนก็พอรับรู้ได้ว่าหลับๆ ตื่นๆ อยู่ทั้งคืน คลับคล้ายคลับคลาว่าเธอฝัน…ฝันเกี่ยวกับอะไรบางอย่าง ครั้นตื่นขึ้นมาเรื่องราวเหล่านั้นกลับเลือนรางจางไปจนไม่อาจจดจำได้เลย
สวนสาธารณะมีบรรยากาศแสนร่มรื่น เต็มไปด้วยสีเขียวครึ้มของต้นไม้ใหญ่ซึ่งแผ่กิ่งก้านให้ร่มเงา แสงอาทิตย์ยามเช้าตรู่ลอดผ่านกิ่งไม้ใบไม้ลงมาได้ไม่มากนัก ทั่วบริเวณจึงดูทึมเทามากกว่าที่ควรจะเป็น เรือนกายสูงใหญ่วิ่งไปตามทางลาดซีเมนต์คดเคี้ยว สองเท้าก้าวเป็นจังหวะไม่ช้าไม่เร็วเกินไป หยาดเหงื่อเกาะพราวอยู่บนใบหน้า หูฟังที่สวมใส่ส่งเสียงเพลงบรรเลงอย่างนุ่มนวลในขณะที่ร่างกายกลับชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อ เสื้อยืดสีขาวพอดีตัวเปียกเหงื่อจึงแนบติดเนื้อ สามารถมองเห็นมัดกล้ามของกายแกร่งกำยำได้ดี