ตอบรับคำไปทีหนึ่งและจ่ายเงินเสร็จแล้วเขาจึงเดินจากมา เว้นระยะจนลับสายตาแม่ค้าก็เปิดฝาขวดน้ำออกแล้วเทน้ำจากขวดลงสู่พื้นดินอย่างเชื่องช้า กล่าวคำอธิษฐานกรวดน้ำออกมาเบาๆ คราวนี้ร่างของชายชราปรากฏขึ้นมาตรงหน้าอีกครั้ง นั่งก้มหน้ารับส่วนบุญที่ชายหนุ่มอุทิศให้ ผิวที่เป็นสีดำแดงค่อยๆ มีประกายขึ้นมาทีละเล็กทีละน้อย สุดท้ายก็เป็นสีที่สว่างขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า
เมื่อน้ำในขวดหมดลงอีกฝ่ายจึงเงยหน้าขึ้นมานิดหนึ่ง เสมองเฉียดผ่านเรือนกายสูงใหญ่ราวกับอยากจะเห็นผู้ช่วยเหลืออย่างชัดเจนแต่ก็ไม่กล้าจ้องมองตรงๆ ครู่หนึ่งจึงก้มหน้าลงตามเดิม ยกมือไหว้อีกเป็นครั้งสุดท้ายเพื่อขอบคุณและค่อยๆ เลือนหายไปจากสายตา
ชายหนุ่มกวาดตามองไปทั่วบริเวณนั้น เงยหน้ามองท้องฟ้าด้วยความรู้สึกโล่งใจและอิ่มเอมใจ พลันรู้สึกว่าวันนี้บรรยากาศดูสดใสขึ้นเป็นอย่างมาก
พอถึงตอนสายของวัน บรรยากาศต่างๆ ล้วนแจ่มใส ท้องฟ้าเป็นสีฟ้ากระจ่าง อากาศพอเหมาะพอดี บวกกับการได้ช่วยเหลือวิญญาณดวงนั้น ชัชพลจึงรู้สึกอารมณ์ดีเป็นพิเศษ
ชายหนุ่มก้าวเข้าไปในตัวอาคารของสนามบินประจำจังหวัดแห่งหนึ่งในภาคเหนือ แม้จะต้องขับรถมาหลายชั่วโมงเพราะไม่ได้อาศัยอยู่ในอำเภอเมืองแต่เขาก็ถือว่าไม่เหลือบ่ากว่าแรงนัก อีกทั้งเพื่อความสบายใจของคุณยายซึ่งพอทราบว่าคนที่ถูกส่งมาเป็นหญิงสาวตัวคนเดียวก็เป็นห่วงกังวลราวกับอีกฝ่ายเป็นลูกหลานตัวเองเสียอย่างนั้น
ก่อนหน้านี้ชัชพลก็เคยต้อนรับผู้กำกับและทีมงานที่มาเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ผ้าโบราณของคุณยายบัวทิพย์และขอความรู้จากผู้เป็นยายของเขาที่เชี่ยวชาญเรื่องผ้าเพื่อนำไปเป็นข้อมูลในการทำละครพีเรียดเรื่องหนึ่ง ในครั้งนั้นก็มีทีมงานที่เป็นผู้หญิงมาหลายคนจึงไม่ทราบว่าคนที่ถูกส่งมาวันนี้เป็นคนไหนกันแน่
เมื่อเครื่องบินลำที่เขามารอได้เดินทางมาถึง ร่างสูงเดินไปยืนอยู่หน้าสุดของราวกั้น ในมือชูกระดาษขนาดเอสี่ที่เขียนชื่อจริงของผู้หญิงคนหนึ่งเอาไว้ นึกขำกับสภาพของตัวเองที่ไม่ต่างอะไรกับพนักงานของโรงแรมที่มารอรับแขกคนหนึ่ง
ผู้คนค่อยๆ ทยอยเดินออกมา…สายตาของเขาสะดุดกับเรือนร่างบางซึ่งสวมกางเกงยีนและเสื้อสีขาวตัวยาวคลุมเข่ายืนรอรับกระเป๋าอยู่ด้านในลิบๆ โน่น
ไม่ใช่หรอก…แค่คล้ายๆ เท่านั้นเอง เขาบอกกับตัวเอง
เมื่อหญิงสาวผู้นั้นเดินออกมาจากประตูแล้วหยุดยืนอยู่ตรงหน้าราวกับตอกย้ำว่าไม่ได้เป็นเพียงภาพฝัน ชายหนุ่มจึงได้แต่หลอกตัวเองว่านี่เป็นเรื่องบังเอิญที่ได้เจอกันเท่านั้น
ใบหน้าของคนมองฉายแววประหลาดใจตอนมองกระดาษเอสี่ที่อยู่ในมือชัชพล เมื่อหญิงสาวชี้ไปที่ชื่อบนกระดาษแล้วชี้กลับมาที่ตัวเองเป็นเชิงบอกว่านั่นคือชื่อของเธอ ความหวังทั้งหมดของเขาก็พังทลายลง!
ใบหน้าหล่อเหลาโดดเด่นค่อยๆ ซีดลงจนเกือบจะไร้สีเลือด อยากหลีกหนีแต่กลับไม่อาจกระทำได้ พอมาถึงตอนนี้ก็เป็นอันรู้กันว่าเขาคงไม่สามารถตัดกรรมที่มีกับผู้หญิงคนนี้ได้ง่ายๆ เสียแล้ว
เมื่อร่างสูงยังคงยืนนิ่งอยู่ อีกฝ่ายจึงทำเช่นเดียวกัน เวลาอาจผ่านไปไม่นานแต่กับเขาแล้วรู้สึกยาวนานราวชั่วกัปชั่วกัลป์กว่าจะสามารถหันหน้ามาทักทายและพูดคุยกับอาคันตุกะได้
“คุณ…ใบบุญ” ชัชพลเอ่ยออกมาช้าๆ รัตน์สิกาจึงส่งยิ้มตามมารยาท
“สวัสดีค่ะคุณศีล ไม่นึกว่าจะได้เจอกันอีกโดยบังเอิญขนาดนี้ สบายดีรึเปล่าคะ”
“ก็ไม่ค่อยสบายเท่าไหร่หรอกครับ”
ชายหนุ่มตอบสั้นๆ หลังจากนั้นจึงคว้าเอากระเป๋าลากซึ่งเป็นสัมภาระเพียงอย่างเดียวของเธอมาแล้วเดินนำไปยังที่จอดรถ ใจจริงเขาอยากจะบอกว่าเริ่มรู้สึกไม่ค่อยสบายตอนเจอหน้าเธออีกครั้งนี่แหละ แต่ก็ทำได้เพียงแค่คิดพร้อมกับใจที่รุ่มร้อน
หากเจอผีเพียงแค่กรวดน้ำให้พวกเขาก็จากไปแล้ว แต่กับผู้หญิงคนนี้…กรวดน้ำขออโหสิแล้วทำไมยังไม่ไปอีก เฮี้ยนเสียยิ่งกว่าผี!