เธอไม่มีทางปฏิเสธ
เธอเคยมีความรู้สึกเช่นนั้นอยู่ครั้งสองครั้ง รู้สึกว่าตนไม่กลัวตาย ทว่าเวลานี้เธอกลัวขึ้นมาแล้ว
ในสถานการณ์ที่ไม่มีทางเลือก ระทดท้อสิ้นหวังอย่างที่สุด คนเราอาจโยนความหวาดกลัวทิ้ง เผชิญหน้ากับความตายอย่างไม่สะทกสะท้าน แต่ฉู่หวังหาได้ปิดตายเส้นทางทั้งหมด หากแต่เปิดเส้นทางหนึ่งให้เธอท่ามกลางความอับจน แม้จะเป็นเส้นทางที่เล็กและแคบ แต่ก็สว่างไสว คู่ควรแก่การลอง
เธอเชื่อเขาหรือ เชียนโม่ถามตัวเองอยู่ในใจ
เชียนโม่ครุ่นคิด รู้สึกว่าปัญหานี้ไม่มีคุณค่าพอที่จะมาถกเหตุผลอะไรแล้ว บาดแผลบนแผ่นหลังเตือนเธอถึงความรู้สึกของการมีชีวิตอยู่ตลอดเวลา ฉู่หวังพูดได้ถูกต้อง เธอไม่มีทางกลับไปซูได้ตามลำพังคนเดียว เธอไม่มีแผนที่ ไม่มีผู้นำทาง และไม่รู้ทิศทาง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องภาษา ในยุคสมัยนี้รอบด้านมีแต่ทุ่งกว้างรกร้างป่าเถื่อน คนเช่นเธอจะเดินข้ามป่าเขาแม่น้ำไปตามลำพังคนเดียว ย่อมเป็นเรื่องล้อเล่นแน่นอน
เธอยังมีชีวิตอยู่ เธอไม่อยากตาย เธออยากกลับบ้าน เช่นนั้นทางเลือกเดียวของเธอก็คือยอมรับ
เชียนโม่มองเพดานเรือที่อยู่ด้านบน จิตใจที่สับสนว้าวุ่นค่อยๆ สงบนิ่งลงมา
ไม่ต้องกลัว ก็แค่เห็นแล้วน่ากลัวเท่านั้น…เสียงหนึ่งดังขึ้นมาในใจ สมัยเด็กเวลาเธอเห็นสัตว์ประหลาดรูปร่างน่าเกลียดน่ากลัวเหล่านั้น คุณปู่คุณย่าก็จะบอกเธอเช่นนี้
คงเพราะต้องการให้เชียนโม่หายไวๆ จะได้รีบมาทำงาน ฉู่หวังจึงส่งคนมาคอยดูแลเธอโดยเฉพาะ
คนผู้นี้เชียนโม่ไม่รู้สึกแปลกหน้า นางก็คือหญิงสูงวัยที่อยู่ในค่ายบัญชาการถงซานผู้นั้น นางเขียนหนังสือไม่ได้ เชียนโม่ได้แต่เรียกนางตามคนอื่นๆ ว่าซัง
ซังจะว่าแก่ก็ไม่แก่ อายุราวห้าสิบกว่า เส้นผมขาวไปครึ่งศีรษะ แต่แข็งแรงมาก กำลังวังชาเต็มเปี่ยม พอเอ่ยปากพูดทีก็พิรี้พิไรไม่จบไม่สิ้น อาการบาดเจ็บของเชียนโม่ความจริงไม่นับว่าหนักหนา ลูกศรที่ยิงมาในคืนวันนั้นกระทบถูกกราบเรือก่อนแล้วจึงกรีดลงมาบนแผ่นหลังของเธอเป็นแผล เชียนโม่ให้ซังทำมือเปรียบให้เธอดูถึงความยาวของบาดแผล รู้สึกว่าไม่นับว่าน่ากลัว เธอคิดว่าหัวลูกศรนั่นคงไม่สะอาด ถึงทำให้เธอติดเชื้อและมีไข้ ซังพอรู้วิชาแพทย์อยู่บ้าง รู้จักเอาสมุนไพรบางอย่างที่เรียกชื่อไม่ถูกมาตำแล้วพอกแผลที่หลังให้เชียนโม่ ยังต้มยาที่ไม่รู้ทำมาจากอะไร ทั้งดำทั้งขมให้เชียนโม่ ตอนเธอดื่มลงไปหัวคิ้วแทบจะผูกเป็นปม
คิดไม่ถึงว่ายานั่นจะได้ผลดียิ่ง หลังจากเชียนโม่นอนหลับไปตื่นหนึ่งไข้ก็ลดลง
บาดแผลของเธออยู่บนแผ่นหลัง มักปริแตกง่าย เชียนโม่ไม่อาจขยับตัวมาก จึงอยู่แต่ในห้องตลอด
แต่เธอก็ไม่ได้อยู่ว่าง
ประการแรก ภาษาฉู่ของเธอแม้จะกล้อมแกล้มถึงระดับสามารถเจรจาต่อรองกับฉู่หวังได้ แต่ยังคงเปลืองแรงมาก วันหน้าโอกาสที่จะสื่อสารกับคนอื่นก็มีแต่จะยิ่งเพิ่มมากขึ้น เรียนรู้ให้มากอีกหน่อยไม่มีอะไรเสียหาย ประการที่สอง เธอรู้สึกว่าตนเองมีความเข้าใจยุคสมัยนี้ไม่มากพอ แม้เธอจะพอมีความรู้ด้านประวัติศาสตร์อยู่บ้าง แต่ก็กระจัดกระจายมากเกินไป จำเป็นต้องให้สอดคล้องกับยุคสมัยที่เฉพาะเจาะจงลงไปจึงจะมีประโยชน์
เสียดายที่ซังรู้อะไรไม่มากนัก เพียงบอกเชียนโม่ได้ว่าฉู่หวังมีนามว่าหลี่ว์ ทั้งนางก็ไม่อาจเขียนหนังสือมาสื่อสารแทนได้ เรื่องอื่นก็ได้แต่บ่นพึมพำพูดอะไรไม่ถูก
โชคดีที่ยังมีซื่อเหรินฉวี
เขามาเยี่ยมเชียนโม่อยู่เสมอ เป็นคนสุภาพอ่อนโยนและรู้หนังสือ