ฉู่หวังไม่ได้คาดคิดว่าเชียนโม่จะเอ่ยคำพูดเช่นนี้ออกมา ท่าทีเต็มไปด้วยความจริงใจจนหาข้อพิรุธไม่พบ ในเวลาอันสั้นทำเอาเขาไม่รู้ควรตอบเช่นไรดี
เขาจ้องมองเชียนโม่ ผ่านไปครู่หนึ่งจึงเอ่ยเสียงเรียบ “เจ้าจดจำคำพูดนี้ไว้ให้ดี” พูดจบก็เดินออกไป
เชียนโม่พูดไปแล้วย่อมต้องทำ วันเวลาต่อจากนั้นเธอให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ซังให้เธอทำอะไรเธอก็ทำ แม้แต่ยาน้ำที่กลิ่นไม่ชวนดมเหล่านั้น เธอก็ดื่มลงไปโดยไม่แม้แต่จะย่นหัวคิ้ว
ตอนเชียนโม่เดินออกจากประตูห้องพักอีกครั้งก็เป็นอีกสามวันให้หลัง เธอยืนอยู่ที่กราบเรือมองไปรอบๆ แล้วก็ต้องตื่นตะลึงเมื่อพบว่าที่นี่ไม่มีรูปร่างลักษณะของแม่น้ำฉางเจียงให้เห็นแล้ว สายน้ำกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา ขบวนเรือคล้ายแล่นอยู่ในท้องทะเลเช่นนั้น แต่เชียนโม่รู้ ตามทิศทางแล้วเป็นไปไม่ได้ที่ที่นี่จะเป็นทะเล เช่นนั้น…เป็นทะเลสาบหรือ เชียนโม่รู้สึกคลับคล้ายคลับคลา เธอจำได้ว่าทะเลสาบผอหยางอยู่ทางตะวันออก ส่วนทะเลสาบต้งถิง…ยังอีกไกลโขนี่นา…
ไม่นานนักตัวอักษรไม่กี่ตัวนี้ก็ผุดขึ้นมาในสมองของเชียนโม่ ‘หนองน้ำใหญ่อวิ๋นเมิ่ง’
อวิ๋นเมิ่งเป็นสถานที่ล่าสัตว์ของเจ้าผู้ครองแคว้นฉู่ในสมัยโบราณ พื้นที่กว้างนับพันลี้ และในสถานที่แห่งนี้มีที่ซึ่งเป็นที่รู้จักกันทั่วไปก็คือหนองน้ำอวิ๋นเมิ่ง หนองน้ำแห่งนี้ประกอบขึ้นด้วยทะเลสาบและพื้นที่ชื้นแฉะจำนวนนับไม่ถ้วน เคยพาดผ่านที่ราบเจียงฮั่น* มีชื่อเสียงดีงามมากมายในประวัติศาสตร์ ต่อมาภายหลัง เนื่องจากดินเลนและทรายในแม่น้ำฉางเจียงตกตะกอนทับถม หนองน้ำอวิ๋นเมิ่งจึงค่อยๆ แยกออกจากกันและหดเล็กลง มาถึงสมัยปัจจุบันนี้อวิ๋นเมิ่งที่ผู้คนพูดถึงก็เหลือเพียงทะเลสาบต้งถิงแล้ว
เชียนโม่เบิ่งตามองน่านน้ำแห่งนี้ อาทิตย์ยามสายัณห์ส่องสะท้อนผิวน้ำ ทิ้งเงากลับหัวสีแดงอมส้มเอาไว้ ปุยเมฆลอยละล่องทั่วท้องฟ้า นกน้ำบินกลับรังในตอนค่ำเป็นฝูงๆ ยามบินผ่านเหนือศีรษะ ปิดฟ้าบังตะวัน ดูยิ่งใหญ่และสวยงาม เมื่อมองย้อนกลับไป หมอกคลื่นกว้างไพศาล บ้านเกิดของเธอก็เป็นส่วนหนึ่งของหนองน้ำใหญ่แห่งนี้ แต่กลับไม่เห็นแม้แต่เงาแล้ว
“ทูตจากแคว้นฉินและแคว้นปาเดินทางมาถึงนครอิ่งตู อู่ต้าฟูได้ต้อนรับพวกเขาที่วังหลวงแล้วพ่ะย่ะค่ะ” อีกด้านหนึ่งของเรือ ผู้ส่งข่าวที่นั่งเรือมาจากนครอิ่งตูทูลรายงานฉู่หวัง
ฉู่หวังขานรับคำหนึ่ง ดึงสายตากลับมาจากทางหัวเรือ “ทูตจากแคว้นฉินคือใคร”
“ทูลต้าหวัง คือกงซุนหรง”
“อ้อ” ดวงตาของฉู่หวังสาดประกายเล็กน้อย
กงซุนหรงเป็นบุตรชายคนโตของไท่จื่อ*แห่งแคว้นฉิน ฐานะไม่ธรรมดา แคว้นฉู่เพิ่งผ่านความอดอยากแห้งแล้ง กำลังทหารอ่อนแอ คิดจะทำศึกกับชนเผ่าหรงอี๋ที่อยู่รอบด้าน วิธีที่เหนื่อยน้อยแต่ได้ผลมากคือขอความช่วยเหลือ ครึ่งเดือนก่อนหน้านี้ฉู่หวังได้แยกส่งทูตไปยังแคว้นปาที่อยู่ทางตะวันตกและแคว้นฉินที่อยู่ทางเหนือ เพื่อหวังจะเป็นพันธมิตรกัน ทั้งสองแคว้นต่างตอบรับ ทั้งทูตที่แคว้นฉินส่งมายังเป็นกงซุนหรง เห็นชัดว่าฉินป๋อเจ้าผู้ครองแคว้นฉินให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เพียงใด
ผู้ส่งข่าวนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งแล้วว่า “ต้าหวัง ฟูเหริน** ให้กระหม่อมทูลต้าหวัง แคว้นไช่ก็ส่งต้าฟูมาพ่ะย่ะค่ะ”
* ที่ราบเจียงฮั่น อยู่ช่วงตอนกลางของแม่น้ำฉางเจียง ในมณฑลหูเป่ย
* ไท่จื่อ หมายถึงรัชทายาท
** ฟูเหริน (ฮูหยิน) ในสมัยชุนชิวหมายถึงภรรยาเอกของเจ้าผู้ครองแคว้น เทียบเท่ากับตำแหน่งชายาเอก เนื่องจากเป็นเพียงนครรัฐ จึงไม่มีตำแหน่งไทเฮาและฮองเฮา