บทที่หนึ่ง
ตอนหานฉีซู่เกิด ซีจิง* เพิ่งจะมีหิมะตกหนักไป
ตอนนั้นอยู่ในช่วงเดือนสามของรัชศกเสี่ยนเต๋อปีที่หนึ่ง เดิมทัศนียภาพในฤดูใบไม้ผลิควรจะกำลังงดงาม นึกไม่ถึงว่าจู่ๆ ปุยหิมะจะปลิวว่อน ในเมืองพากันโจษจันว่าสวรรค์แจ้งลางบอกเหตุลงมา หรือในเมืองหลวงจะมีผู้ถูกใส่ร้ายกลั่นแกล้งอย่างไม่เป็นธรรม
บิดาของฉีซู่ หานหล่าง รองหัวหน้าสำนักราชเลขาธิการถูกลดตำแหน่งเป็นผู้บัญชาการทหารเมืองเจิ้นโจวในช่วงนั้นพอดี
เมืองเจิ้นโจวตั้งอยู่ทางใต้สุดของแว่นแคว้น ที่นี่ไม่กว้างใหญ่ไพศาลสง่าน่าเกรงขามเช่นซีจิง และขาดความสดใสงดงามเช่นตงตู มีเพียงคลื่นลูกโตที่ซัดสาดไปมาและโขดหินไร้ที่สิ้นสุดในทะเล
หานหล่างถูกลดขั้นและย้ายมาประจำการอยู่ที่นี่ เป็นพระอาญาเฉียบขาดที่สุดที่ฮ่องเต้พระองค์นี้ทรงลงโทษขุนนางผู้บังอาจลบหลู่พระราชอำนาจของพระองค์
“เจ้าเกิดที่ซีจิง” ตั้งแต่ฉีซู่จำความได้ก็ได้ยินบิดาพูดเช่นนี้มานับครั้งไม่ถ้วน
เมืองเจิ้นโจวไม่มีสุราชั้นดีให้ซื้อหา ยังดีที่ดินฟ้าอากาศร้อนอบอ้าวจึงมีผลไม้อุดมสมบูรณ์ คนท้องที่นี้มักเอาผลไม้ต่างๆ มาทำสุรา สุราเหล่านี้แม้จะใสบริสุทธิ์ร้อนแรงสู้สุราดีในเมืองหลวงไม่ได้ แต่ก็หวานหอมรสชาติกลมกล่อม หานหล่างมักดื่มสุราหวานหลังอาหารหลายจอก ทุกครั้งที่เขาเริ่มเมามายก็จะพูดจาพร่ำเพ้อซ้ำซากกับฉีซู่อยู่เสมอ
เรื่องที่เขาชอบพูดถึงก็คือซีจิง สิ่งที่เขาพรรณนาถึงซีจิงก็มักเริ่มจากตอนที่ฉีซู่เกิด
“เจ้าเกิดในเดือนสาม เป็นช่วงเวลาที่ซีจิงงดงามที่สุด ต้นไม้ในเมืองหลวงแตกใบใหม่ บุปผาผลิดอกบานสดใส ทุกหนแห่งเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา ต้นไม้เก่าแก่ที่นอกเมืองเขียวขจี ต้นหญ้าเขียวชอุ่ม เหมาะแก่การไปเที่ยวเล่นชมทิวทัศน์ ทั้งยังตรงกับช่วงติดประกาศรายชื่อผู้สอบชิงตำแหน่งขุนนางระดับอำเภอพอดี ผู้สอบได้ตำแหน่งบัณฑิตจิตใจเร่าร้อนฮึกเหิม งานเลี้ยงต่างๆ ถูกจัดขึ้น ในช่วงเวลาที่เหล่าบัณฑิตใหม่กำลังเฉลิมฉลองกันอย่างสนุกสนาน บางครั้งก็อาจได้พบหญิงสาวอ่อนโยนดีงามที่มาเที่ยวชมทัศนียภาพ ถ้ามีบุพเพสันนิวาสต่อกัน ก็จะมีข่าวดีแพร่กระจายไปทั่วเมืองหลวง…” ทุกครั้งที่พูดมาถึงตรงนี้ หานหล่างก็จะชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็จะหันไปมองภรรยาที่อยู่ด้านข้าง ยิ้มน้อยๆ แล้วเสริมขึ้น “พ่อกับแม่ของเจ้าก็รู้จักกันเช่นนี้เช่นกัน”
ฉีซู่ไม่ได้เข้าใจคำพูดของบิดาสักเท่าไร
สำหรับนางแล้ว ซีจิงเป็นคำศัพท์ที่อยู่ห่างไกลยิ่ง ความห่างไกลนี้ไม่ใช่เพียงเพราะระยะทาง ยังเป็นเพราะความไม่คุ้นเคยต่อบ้านเกิดเมืองนอน นางไม่อาจวาดเค้าโครงสภาพความกว้างใหญ่ไพศาลของเมืองหลวงตามคำพรรณนาของบิดาได้ ความเจริญรุ่งเรืองของซีจิงนางไม่เคยพบเห็น ยิ่งไม่อาจจินตนาการได้ ที่นางมองเห็นก็มีแต่คลื่นลูกโตที่แผดเสียงก้องคำรามซัดสาดโขดหินสีดำริมฝั่งทะเลอย่างเกรี้ยวกราดไม่สิ้นสุด ‘ประตูวังเก้าชั้นเปิดออก เหล่าขุนนางหมอบกราบถวายบังคมองค์ฮ่องเต้’ ที่บิดาเอ่ยนั้น นางก็ฟังด้วยความงงงวย
หานหล่างรู้ว่านางไม่เข้าใจ เขามักจะยิ้มบางและยุติคำพูดลงแค่นั้น แต่มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ไม่เป็นเช่นนั้น วันนั้นจู่ๆ เขาก็อุ้มฉีซู่ขึ้นมาทอดถอนใจเบาๆ แล้วว่า “เสียดายตอนลูกเกิดปีนั้น จู่ๆ ในเมืองหลวงก็มีหิมะตกหนัก ปิดคลุมทัศนียภาพในฤดูใบไม้ผลิไปหมด หลังจากนั้นเราก็มาเมืองเจิ้นโจว วันหน้าเกรงว่าคงไม่ได้เห็นอีกแล้ว…”
* ซีจิงหรือเมืองฉางอัน เป็นเมืองหลวงในสมัยฮั่นตะวันตก ต่อมาในสมัยฮั่นตะวันออกได้ย้ายเมืองหลวงไปอยู่เมืองลั่วหยางหรือตงตู (เมืองหลวงตะวันออก)
หมูกระต่าย
พฤศจิกายน 2, 2017 at 4:17 PM
อยากอ่านแล้วค่าาาา รอนะค้าาา