ฉีซู่ได้ยินหลี่เฉิงเพ่ยเรียก ‘อาเวิง’ ก็พอจะคาดเดาได้แล้วสถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่อะไร คำว่า ‘ไท่ซั่งหวง’ ที่สตรีผู้นี้เอ่ยออกมาก็ยิ่งยืนยันว่าความคิดของนางถูกต้อง…ที่นี่คือที่ประทับของไท่ซั่งหวง
ไท่ซั่งหวงหลี่เหยียนชิ่ง ในวัยหนุ่มองอาจห้าวหาญเหนือใคร คุณูปการในการสู้รบโดดเด่นยิ่ง หลังสละราชสมบัติ ไท่ซั่งหวงก็ไม่ก้าวก่ายราชกิจอีก และเพราะฮ่องเต้ปรนนิบัติเลี้ยงดูอย่างดีเยี่ยม วันทั้งวันพระองค์จึงหลงใหลเคลิบเคลิ้มอยู่กับการชมการขับร้องร่ายรำเสียเลย
ตอนอยู่ด้านนอกตำหนักฉีซู่ก็ได้ยินเสียงดนตรีบรรเลงเพลง ‘นกขมิ้นเพรียกร้องในฤดูใบไม้ผลิ’* พอเข้าไปข้างในก็ไม่ผิดจากที่คิด นักดนตรีหลายคนนั่งคุกเข่าอยู่ในตำหนัก บ้างอุ้มพิณผีผา** บ้างก็เป่าขลุ่ยตี๋*** บ้างก็เป่าเซียว**** …ถัดออกไปไม่ไกล มีนางรำหลายคนกำลังร่ายรำอย่างสวยงาม ตรงใจกลางนางกำนัลชั้นสูงผู้ปรนนิบัติแยกย้ายกันอยู่สองด้านของตั่งเตี้ยตัวยาว บนตั่งเตี้ยมีผู้สูงวัยคนหนึ่งเอนนอนอยู่ ชมการร่ายรำด้วยท่าทางคล้ายหลับคล้ายไม่หลับ คิดว่าคงจะเป็นไท่ซั่งหวง
ไท่ซั่งหวงแม้เส้นพระเกศาจะเป็นสีเทาขาวแล้ว แต่พระวรกายยังคงสูงใหญ่ล่ำสัน พระองค์ไม่ได้สวมพระมาลา เพียงรวบพระเกศาแล้วปักด้วยปิ่นทองคำอันเดียว ด้านในสวมเสื้อคลุมยาวคอกลมผ้าดิ้นสีเรียบๆ ด้านนอกคลุมเสื้อคลุมจีนตัวใหญ่คอกว้างตัดเย็บด้วยผ้าดิ้นสีเขียวอมดำ เห็นชัดว่าหลังจากสละราชย์ การแต่งพระองค์ของไท่ซั่งหวงก็ยึดความสบายเป็นสำคัญ
พอเข้ามาในตำหนัก ฉีซู่ก็ก้มลงหมอบกราบ ผิดกับหลี่เฉิงเพ่ยที่เพียงร้องทักด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่ายออกมาคำหนึ่ง “อาเวิง”
สายพระเนตรของไท่ซั่งหวงเบนมาเล็กน้อย หลังจากหยุดนิ่งอยู่ที่ร่างหลี่เฉิงเพ่ยอึดใจหนึ่ง ก็เลื่อนสายตากลับไปที่ร่างนางรำ ครู่ใหญ่จึงแค่นเสียงฮึออกมา “เหตุใดจึงมาอีกแล้ว”
พระสุรเสียงของไท่ซั่งหวงทุ้มต่ำแก่ชรา แม้น้ำเสียงจะคล้ายเบื่อหน่าย ฉีซู่กลับรู้สึกว่าความจริงแล้วไท่ซั่งหวงดีใจมากกับการมาเยือนของหลานชาย
หลี่เฉิงเพ่ยคร้านจะตอบคำถามนี้ เขาปีนขึ้นไปนั่งบนตั่งยาวที่ไท่ซั่งหวงประทับอยู่ เห็นในถาดทองข้างกายเสด็จปู่มีขนมอบต่างๆ กองอยู่ไม่น้อย จึงหยิบขึ้นมาสองชิ้น โยนให้ฉีซู่ชิ้นหนึ่ง เขาเองก็กัดกินอีกชิ้นหนึ่งอย่างไม่มีท่าทีจะเกรงใจ
หลี่เฉิงเพ่ยกำเริบเสิบสานเช่นนี้ ไท่ซั่งหวงกลับไม่ได้ทรงตำหนิ ทรงชายพระเนตรมายังฉีซู่ที่ยืนถือขนมอบอยู่ข้างๆ แวบหนึ่ง แล้วหันไปตรัสกับหลี่เฉิงเพ่ย “เหตุใดวันนี้จึงพาเด็กหญิงตัวน้อยมาด้วย” หันมาทอดพระเนตรฉีซู่อีกครั้ง แล้วเสริมขึ้นอีกประโยค “ทั้งยังเป็นเด็กหญิงตัวน้อยที่รูปโฉมธรรมดาคนหนึ่ง”
ฉีซู่คิด ท่วงทำนองการพูดการจาของไท่ซั่งหวงกลับคล้ายกันมากกับรัชทายาท
หลี่เฉิงเพ่ยตอบอย่างไม่ใส่ใจโดยสิ้นเชิง “ข้าชอบ ท่านจะทำไม”
* นกขมิ้นเพรียกร้องในฤดูใบไม้ผลิ (ชุนอิงจ้วน) เป็นบทเพลงที่แต่งขึ้นในสมัยราชวงศ์ถัง
** พิณผีผา เป็นเครื่องดนตรีจีนประเภทเครื่องดีด 4 สาย จำพวกเดียวกับกีตาร์ ทำจากไม้ รูปทรงเลียนอย่างลูกผีผา (มะปรางจีน)
*** ตี๋ คือขลุ่ยผิวชนิดหนึ่ง เป่าแนวขวาง มีรูเยื่อไผ่ เสียงแหลมกังวานไกล
**** เซียว เป็นขลุ่ยโบราณชนิดหนึ่งของจีน ลักษณะคล้ายฟลุต เป่าแนวตั้ง ให้เสียงทุ้มต่ำเศร้าสร้อย ต่างจากขลุ่ยผิวที่ให้เสียงกระจ่างใส
หมูกระต่าย
พฤศจิกายน 2, 2017 at 4:17 PM
อยากอ่านแล้วค่าาาา รอนะค้าาา